กพท.จับตาธุรกิจการบิน

กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – กพท.จับตาธุรกิจการบินปี 63 เข้มคุมมาตรฐานความปลอดภัย หลังขาดทุนหนักปีนี้


นายจุฬา สุขมานพ  ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)  เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจการบินปี 2563  กพท.จะให้ความสำคัญกับความเข้มงวดตรวจสอบระบบความปลอดภัยด้านการบินหรือ Safety และการให้บริการของสายการบินแก่ผู้โดยสาร หลังจากปีนี้ยอมรับว่าผู้ประกอบการสายการบินทั่วไปและสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสแอร์ไลน์) ในประเทศประสบปัญหารายได้จากผลประกอบการลดลง ตามภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งปัจจัยอื่น เช่น การแข่งขันราคาธุรกิจการบินค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสท์ แอร์ไลน์ ปัจจุบันเส้นทางบินไปเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต มีสายการบินหลายแห่งบินแข่งขันกัน ส่งผลให้ปัจจุบันบางครั้งรายได้ของผู้ประกอบการลดลงเหลือต่ำมาก บางสายการบินมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 75 สตางค์ต่อกิโลเมตรเท่านั้น  และก็เป็นเรื่องที่ยากจะแก้ไขเนื่องจากเป็นการแข่งขันทางธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลประกอบการธุรกิจการบินจะไม่ดี กพท.ย้ำว่าไม่ได้เป็นสาเหตุที่ผู้ประกอบการจะมาลดต้นทุนที่มีความจำเป็น โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนด้านการบำรุงรักษาและการดูแลมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นเรื่องเข้มงวด โดยปี 2563 กพท.จะกำกับดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง


“ยอมรับว่าปัจจุบันมีสายการบินหลายแห่งมีผลประกอบการไม่ดี และมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อการให้บริการการบิน กพท.ได้มีหนังสือแจ้งให้ทำแผนปรับโครงสร้างฐานะการเงิน ซึ่งขณะนี้มี 1 รายที่ส่งแผนกลับมาให้พิจารณาแล้ว โดยการตรวจผ่านแผนการเงินนี้ หากไม่ผ่านจะมีหลักเกณฑ์ที่ กพท.จะแจ้งให้ผู้ประกอบการดำเนินการ  เช่น การลดเส้นทางบิน ลดความถี่ของเที่ยวบินลง เพื่อให้สอดคล้องกับเครื่องบินที่มีและต้นทุนการดำเนินงาน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้โดยสาร” นายจุฬา กล่าว

ส่วนการขออนุญาตเส้นทางการบินใหม่นั้น  ปี 2563 ผู้อำนวยการ กพท.ระบุว่า ยังมีเอกชนติดต่อเข้ามาเพื่อขอใบอนุญาตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเส้นทางการบินใหม่เชื่อมจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาไปยังสนามบินในภูมิภาค และเส้นทางระหว่างประเทศไปจีนและประเทศในอินโดจีน เนื่องจากปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีภาวะคับคั่งแออัด ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภานั้นก็เป็นสนามบินภาคตะวันออกที่มีระยะเดินทางไม่ห่างจากกรุงเทพฯ และอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะมีการขยายการค้า การลงทุนและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่อีกมากด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง