ธปท. 4 ธ.ค. – ธปท. เผยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่า หลังนักลงทุนมองเงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัยเหมือนที่ผ่านมา เตือนผู้นำเข้าประกันความเสี่ยง หากเงินบาทกลับทิศจากแข็งค่าเป็นอ่อนค่า
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) กล่าวว่าขณะนี้นักลงทุนในตลาดโลก เริ่มเปลี่ยนมุมมองต่อค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งค่าเงินบาท ว่าเงินบาทไม่แข็งค่ามากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน และผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (Non-resident) ได้เปลี่ยนคำสั่งและสถานะจากซื้อเงินบาท (Long) เปลี่ยนเป็นขายเงินบาท ( Short) แล้ว ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทิศทางของค่าเงินบาทในช่วงต่อไป ทำให้เงินบาทเริ่มกลับทิศเป็นอ่อนค่า ดังนั้นเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทาง ไม่ใช่แข็งค่าทางเหมือนที่ผ่านมา และเงินบาทอาจจะไม่ใช่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe haven) เหมือนในอดีต ดังนั้นผู้นำเข้าอาจจะต้องซื้อประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้บ้าง หากเงินบาทอ่อนค่าลงมา ก็อาจจะพลาดโอกาสในการนำเข้าวัตถุดิบ และ เครื่องจักร
นายเมธี กล่าวว่าแรงกดดันจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มลดลง เพราะประเทศไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง รวมทั้งผลทางอ้อมจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง ส่งผลให้ธนาคารลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ช่วยลดแรงกดดันเงินบาทแข็งค่าได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ ( Yield Curve ) ของไทยยังต่ำกว่าสหรัฐอเมริกา อาจจะต่ำที่สุดในอาเซียน ซึ่งทำให้แรงเก็งกำไรค่าเงินบาทน้อยลง
“การไหลเข้าของเงินที่มาลงทุนในหุ้นและพันธบัตรเป็นการไหลออกสุทธิ ดังนั้นเงินทุนที่ไหลเข้ามาไม่ได้เป็นการเก็งกำไร แต่เป็นภาวะที่ผู้ส่งออกนำเงินเข้ามาจากกการเกินดุลการค้า รวมทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังค่อนข้างมาก และหลังจากที่ ธปท. ผ่อนคลายมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกไปแล้วคาดว่าผู้ส่งออกจะนำเงินเข้ามาไม่มากเท่าเดิม เพราะสามารถพักเงินในต่างประเทศได้ในจำนวนที่มากขึ้น ก็จะลดแรงกดดันเงินบาทได้อีกทางหนึ่ง “ นายเมธีกล่าว
นอกจากนี้ราคาทองคำในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาปรับลดลงค่อนข้างมาก การขายทองคำลดลงมาก ทำให้เงินตราต่างประเทศเข้ามาน้อยลง และธปท.ได้พูดคุยกับผู้ค้าทองคำรายใหญ่ให้สามารถซื้อขายทองคำเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ค้าทองคำก็พร้อมดำเนินการ
“เราเห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง ผลตอบแทนจากส่วนต่างดอกเบี้ยก็แทบจะไม่มี ประกอบกับดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทำให้เงินสกุลในตลาดเกิดใหม่และเงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งเราคิดว่านักลงทุนเปลี่ยนมุมมองว่าบาทไม่แข็งค่ามากกว่านี้” นายเมธีกล่าว
นายเมธีกล่าวว่า ทางธปท.มีคณะทำงานพูดคุยกับผู้ส่งออก นำเข้า และ เอสเอ็มอี ว่า ในการบริหารจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมีปัญหา อุปสรรคอย่างไร ซึ่งได้ทราบปัญหาทั้งเรื่องการขาดความรู้ความเข้าใจ ไม่มี Credit Line รวมทั้งค่าธรรมเนียมแพง ซึ่งธปท. ระดมความคิดเห็นเพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการระดมสมอง และ หาข้อตกลงร่วมกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย