ขอนแก่น 22 พ.ย.-เกษตรกรชาวขอนแก่น ผู้ใช้ 3 สารเคมีเกษตร ร้องให้ชะลอการสั่งห้ามออกไปก่อนจนกว่าจะมีมาตรการบรรเทาผลกระทบที่ชัดเจน ขณะที่เกษตรอำเภอซำสูง ระบุว่าเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่ตระหนักถึงพิษภัยสารเคมีดังกล่าว และพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐ
เกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ อ้อย ข้าวโพด ชาวขอนแก่น คือกลุ่มที่ใช้สารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส มากที่สุด ขณะที่ชาวนา ชาวสวนปลูกผัก มีการใช้เพียงประปราย
บ้านหลุบเลา และบ้านหนองขาม ตำบลห้วยเตย อำเภอซำสูง ส่วนใหญ่ปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง จึงใช้สารเคมีดังกล่าวเกือบทั้งหมู่บ้าน โดยเฉพาะพาราควอต ราวร้อยละ 70 ที่เหลือใช้ไกลโฟเซต ซึ่งฆ่าหญ้าหวายได้ผลดี เกษตรกรยังกังวลว่าสารตัวใหม่ที่มาแทนจะใช้ได้ผลดีหรือไม่ ประเด็นหลักที่ชาวบ้านใช้สารเคมีฆ่าหญ้ากัน เพราะประหยัดทั้งเวลา แรงงาน และค่าแรง เปรียบเทียบในพื้นที่ 2 ไร่ ถ้าจะจ้างดายหญ้าให้เสร็จภายในวันเดียว ต้องใช้ถึง 10 คน ค่าจ้าง 3,000 บาท ส่วนพาราควอต ขวดละ 500 บาท ใช้แรงงานเพียงคนเดียว แต่ได้พื้นที่มากกว่า หลังเจ้าหน้าที่ออกมาให้ความรู้มีความเข้าใจถึงพิษภัยและหลักการใช้อย่างไรให้ปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น หากเป็นไปได้อยากให้ชะลอการสั่งห้ามใช้ 3 สารเคมีกำจัดวัชพืชออกไปก่อน จนกว่าภาครัฐจะมีมาตรการบรรเทาผลกระทบที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
กลุ่มที่เห็นด้วยกับการแบน 3 สารเคมีเกษตร มองว่าเกษตรกรจำนวนมากยังขาดความเข้าใจและการระมัดระวังตัว จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพร้ายแรง บางรายถึงขั้นเสียชีวิต
ขณะที่เกษตรอำเภอซำสูงยืนยันว่าเกษตรกรส่วนใหญ่เริ่มมีความตระหนักถึงปัญหาตั้งแต่ช่วงจำกัดการใช้ และเห็นคล้อยตามว่าควรมีการยกเลิก 3 สารเคมีดังกล่าว เพราะมั่นใจว่าภาครัฐจะมีทางออกที่ดี ไม่ปล่อยให้เกษตรกรหาทางแก้ปัญหาเอง.-สำนักข่าวไทย