กัลฟ์วางแผนลงทุนโครงการรัฐต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 18 พ.ย.  – กัลฟ์ลงนามสัญญาเงินกู้ไอพีพี “กัลฟ์ พีดี” 4.1 หมื่นล้านบาท พร้อมลุยโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ


นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลงทุนโครงสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ ท่าเรือ สถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยโครงการในไทยนับเป็นความร่วมมือกับรัฐบาลในการวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพร้อมจะลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานจะมัสัดส่วนร้อยละ 5-10 ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตประมาณ 11,910 เมกะวัตต์ ทั้งในไทย เวียดนาม และโอมาน และกำลังพิจารณาการลงทุนในประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยปีหน้าคาดว่าจะมีการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท รายได้จะมีประมาณ  36,000 ล้านบาทจากปีนี้มีประมาณ 33,000 ล้านบาท


ทั้งนี้ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 บริษัท กัลฟ์ พีดี จำกัด ( GPD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 70 ผ่านบริษัท อินดิเพนเดนท์ พาวเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (IPD)ฉ และเป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ปลวกแดง หรือโครงการ GPD ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 2,650 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ระยอง 2 อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง มีมูลค่าโครงการประมาณ 50,000 ล้านบาท ได้ลงนามสัญญาเงินกู้เพื่อเข้ารับการสนับสนุนเงินกู้ในวงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 41,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 23 ปี โดยแบ่งเป็นสกุลเงินบาทประมาณร้อยละ 50 และสกุลเงินเหรียญสหรัฐประมาณร้อยละ 50 กับกลุ่มสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง รวมถึงธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ทั้งนี้ โครงการ GPD มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก เนื่องจาก GPD ได้เข้าทำสัญญาแลกเปลี่ยนจากอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Interest rate swap) ได้ในอัตราที่ต่ำจากภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำในปัจจุบัน และเป็นระยะเวลา 20 ปี ทำให้ GPD สามารถปิดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยของตลาดในอนาคต โดยโครงการ GPD มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2566 และ 2567

ทั้งนี้ IPD เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ และกลุ่ม Mitsui & Co., Ltd. ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70.0 และร้อยละ 30.0 ตามลำดับ จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า IPP 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 5,300 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการ GPD ที่ได้กล่าวไปในข้างต้น และโครงการ GSRC ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 2,650 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 และมีความคืบหน้าการก่อสร้างประมาณร้อยละ 39.5 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2564 และ 2565 ทั้งนี้ ทั้ง 2 โครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง