ทำเนียบฯ 18 พ.ย. – รัฐบาลเตรียมของขวัญปีใหม่อัดฉีดกองทุนหมู่บ้าน ฟื้นเศรษฐกิจประชารัฐสร้างไทย จัดสรรเท่ากันทุกกองทุน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติ (กทบ.) เพื่อส่งสัญญาณให้ตัวแทนจากกลุ่มชาวบ้านศึกษาแนวทางการพัฒนาชุมชนตามพื้นที่ต้องการพัฒนาสอดคล้องแต่ละภูมิภาคในการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น เพราะมีแผนจัดสรรเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านให้กับชุมชนจำนวนเท่ากันทุกชุมชนทั้งหมด 79,000 กองทุน คาดว่าจัดสรรได้ก่อนสิ้นปี เพราะแต่ละพื้นที่มีความต้องการต่างกัน เช่น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน รวมกันสร้างที่พักโฮมสเตย์ การสร้างยุ้งฉาง ปั้มน้ำมันชุมชน หรือการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ขณะนี้รัฐบาลกำลังศึกษาช่องทางแหล่งทุน เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีทุนในการพัฒนาหมู่บ้าน คาดว่าสรุปแนวทางในอีก 2 สัปดาห์ เพื่อเสนอการประชุมครั้งต่อไปตั้งเป้าหมายก่อนปีใหม่
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารฯ ชุดใหม่พิจารณาตั้งโครงการโฆษกอาสาประชารัฐ หวังพัฒนาแกนนำชุมชนจากทุกตำบลทั่วประเทศ 8,000 คนทั่วประเทศ เพื่อทำหน้าที่ประสานทำความเข้าใจระหว่างสมาชิกกับกองทุน และระหว่างประชาชนในหมู่บ้านกับชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสารการทำงานและนโยบายต่าง ๆ ของรัฐไปถึงประชาชน และสะท้อนความต้องการของประชาชนกลับมาที่รัฐได้อย่างถูกต้อง โดยจะได้รับการฝึกอบรมและการฝึกปฏิบัติภาคสนามตามหลักสูตรที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น เพื่อให้ความรู้เรื่องการผลิตข่าว การเขียนข่าว การส่งข่าว โดยใช้สื่อต่าง ๆ ควบคู่การอบรมเรื่องบทบาทหน้าที่ จรรยาบรรณ และการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนในบทบาทของโฆษกชุมชน ที่ประชุม กทบ.ยังขับเคลื่อนโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา เพื่อหวังกองทุนเกือบ 79,000 กองทุน และสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ กว่า 13 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันปลูกต้นไม้
นายนที ขลิบทอง ผู้อํานวยการ สทบ. กล่าวว่า วันที่ 25 กรกฎาคม 2563 ได้ชักจูงสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศร่วมกันปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 80 ล้านต้นทั่วประเทศ หวังช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ป้องกันปัญหาภัยธรรมชาติและสร้างสินทรัพย์ให้กับหมู่บ้านและชุมชน ต้นไม้จะเป็นการออมให้กับสมาชิกกองทุนสามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในอนาคต โดยวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เตรียมเปิดโครงการเพาะชำกล้าไม้ในชื่อ “เปิดปฏิบัติการกองทุนกล้าไม้” รวมทั้งมีหน่วยงานภาคีร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา ครอบคลุมทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษาและสถาบันการเงิน ได้แก่ กรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้นเดือนธันวาคมปีนี้.- สำนักข่าวไทย