กทม.-6 พ.ย.-ตัวแทนปราบปรามลิขสิทธิ์ ยืนยันมีสิทธิ์จับกุม เพราะคู่กรณีโพสต์ facebook ขายมาก่อน ไม่ได้หลอกล่อให้กระทำความผิด แล้วจับกุม ขณะที่ “ทนายเดชา” ชี้แง่มุมกฎหมาย อาจเข้าข่ายล่อให้กระทำผิด ไม่ใช่ล่อซื้อ ซึ่งแนวทางคำพิพากษาฏีกา เคยตัดสินหลายคดี ไม่มีความผิด
นายประจักษ์ โพธิผล ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท เวอร์ริเช็ค จำกัด มีหน้าที่ปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูน (ริราคุมะและอื่นๆ) จากประเทศญี่ปุ่น แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการจับกุมเด็กหญิงอายุ 15 ปี ที่จังหวัดนครราชสีมา ทำกระทงการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์ขายผ่านทางเฟซบุ๊ก
นายประจักษ์ ระบุว่าก่อนเข้าจับกุม นายอนันต์ กิ่งเพชร เพื่อนร่วมอาชีพ ด้านการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่อยู่คนละบริษัท ได้ส่งข้อมูลของคู่กรณีให้เข้าตรวจสอบ เมื่อไปเปิดดูในเฟซบุ๊ก พบมีการลงรูปภาพตัวอย่างสินค้าที่มีตัวการ์ตูนที่บริษัทถือลิขสิทธิ์อยู่ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา จึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน แต่เมื่อพบว่าเป็นเด็กและผู้ปกครองขอเจรจาไกล่เกลี่ยจึงยอมถอนแจ้งความ โดยให้เสียค่าเสียหายในการเจรจาไกล่เกลี่ยเป็นเงิน 5,000 บาท
นายประจักษ์ ยังยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนสั่งทำ ล่อซื้อ หรือกลั่นแกล้ง อีกทั้งยังไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ชุดจับกุมหรือพนักงานสอบสวน แต่เพราะคู่กรณีได้มีการโพสต์ขายมานานแล้วจึงต้องแจ้งความให้ตำรวจจับกุม และที่ผ่านมาได้มีการจับกุมทั้งรายใหญ่ และรายย่อย แต่ยอมรับว่า การเข้าจับกุมแต่ละครั้ง จะได้รางวัลนำจับแต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพร้อมที่จะสู้คดีที่คู่กรณีมีการแจ้งความกลับ เพราะ ว่ามีหลักฐานชัดเจน และปฏิเสธที่จะพูดถึงรายละเอียดของการเจรจาเรียกรับเงินจากครอบครัวเด็กหญิง โดยอธิบายว่า ตัวเลขเงินจำนวน 50,000 บาท ที่ฝ่ายเด็กหญิงกล่าวอ้างว่าตนเรียกรับแลกกับการถอนแจ้งความนั้น เป็นเงินค่าปรับขั้นต่ำตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ไม่ใช่เป็นการเรียกรับในส่วนของบริษัท
ส่วนกรณีที่บริษัท ทีเอซี คอนซูเมอร์ จำกัด มหาชน ออกมาระบุว่า ไม่ได้สั่งให้เข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้นเพราะว่าบริษัทดังกล่าวเป็นเพียงตัวแทนลิขสิทธิ์ในประเทศไทย ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 ไม่ได้มีหน้าที่ในการปราบปรามอย่างบริษัทตนเองซึ่งได้รับมอบอำนาจ และดำเนินการมาเกือบ 20 ปีแล้ว
ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เจ้าของเพจ “ทนายคลายทุกข์ ระบุว่ากรณีดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่ายยังพูดไม่ตรงกันในรายละเอียดสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกฎหมาย หากมีการติดต่อสั่งให้ทำกระทง โดยฝ่ายตัวแทนลิขสิทธิ์ แล้วประสานตำรวจให้จับกุม ทั้งที่ฝ่ายเด็กหญิง ยังไม่ได้ทำกระทงไว้ อาจถือเป็นการล่อให้กระทำความผิด และจะไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ไม่เหมือนกับการล่อซื้อของผิดกฎหมายอื่น เช่น ยาบ้า หรือกระเป๋าปลอมละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดในตัวอยู่แล้ว โดยคดีลักษณะแบบนี้ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาเป็นแนวทางไว้หลายคดีว่าผู้ถูกล่อให้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ.-สำนักข่าวไทย