กรุงเทพฯ 6 พ.ย.- รองโฆษกสภาทนาย ยกฎีกา แนะข้อก.ม. อ้างละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่ทนายความอาสาโคราช 20 คน ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงช่วยเหลือผู้เสียหาย 22 ราย พร้อมสรูปประเด็นแจ้งความกลับ 4 ข้อหา
นายพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์ กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 5 ในฐานะรองโฆษกสภาทนายความ ได้ยกตัวอย่างข้อกฎหมายในคดีลิขสิทธิ์ ที่ขณะนี้เกิดกรณีการล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูน ที่ให้เด็กหญิงวัย 15 ปีทำแล้วมีเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์พร้อมเรียกค่าเสียหายนั้นว่า กรณีดังกล่าวมีประเด็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ควรรู้ ดังนี้ 1.บุคคลที่อ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ มีการมอบอำนาจ กันจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีการแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจถูกต้องหรือไม่ 2.การที่ผู้กล่าวหาอ้างว่า เด็กหญิง อายุ 15 ปี กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ ตามข่าวนั้น หากข้อเท็จจริงปรากฏว่า เด็กหญิงทำกระทงตามปกติโดยมิได้มีการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว แต่ผู้กล่าวหาจ้างวานให้เด็กหญิงนั้น ไปกระทำละเมิด โดยนำรูปการ์ตูนที่มีลิขสิทธิ์ ติดกับกระทง เช่นนี้ ถือว่าบุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 4077/2549“พยานหลักฐานโจทก์ไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนาแต่แรกที่จะขายแผ่นซีดีภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย กรณีเป็นเรื่องที่ผู้แทนผู้เสียหายชักจูงใจหรือก่อให้จำเลยกระทำผิด จึงไม่อาจถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย การแจ้งความร้องทุกข์จึงไม่ชอบ ทำให้การสอบสวนไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดี ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”
ขณะที่ นายเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งดูแลทนายความอาสาในพื้นที่เกิดเหตุว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ย.) ชุดทนายความอาสาประมาณ 20 คน ได้เข้าไปยัง สภ.เมืองนครราชสีมา ร่วมตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งนอกจากกรณีสั่งทำกระทงแล้วจับลิขสิทธิ์แล้ว ยังมีเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์อื่นๆ เช่น การส่งทำแก้ว โดยที่ขณะนี้มีผู้ถูกอ้างเรียกเก็บค่าเสียหายการละเมิดลิขสิทธิ์จากกลุ่มบุคคลที่อ้างเป็นตัวแทนได้รับมอบอำนาจจากบริษัท รวมทั้งกรณีเด็กหญิงดังกล่าวรวม 22 ราย รวมค่าเสียหายกว่า 400,000 บาท โดยลักษณะพฤติการณ์นั้นจะสั่งให้ทำสินค้าประเภทต่างๆ แล้วนำไปส่งโดยนัดพบ เช่น ที่ลานจอดรถห้างซูเปอร์มาร์เก็ต บริเวณลานย่าโม แล้วทำการจับกุม
โดยในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ย.) ตนนัดชุดทนายความอาสาดังกล่าว มาประชุมเพื่อสรุปข้อเท็จจริงแต่ละรายของผู้เสียหายดังกล่าวทั้งหมด 22 ราย เพื่อเตรียมจะแจ้งความดำเนินคดีกลับกลุ่มตัวแทนดังกล่าว โดยลักษณะความผิดซึ่งเป็นไปได้ที่จะแจ้งความกลับนั้นมี 4 ข้อหา คือ 1.แจ้งความเท็จ 2.ปลอมและใช้เอกสารปลอม กรณีอ้างหนังสือของบริษัทที่เป็นลิขสิทธิ์ ที่ภายหลังบริษัทออกประกาศระบุว่าไม่เคยมอบอำนาจจับกุม 3.กรรโชกทรัพย์ กรณีขู่ทำให้ผู้เสียหายกลัวเพื่อจ่ายค่าเสียหาย 4.กักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งหากไม่มีอำนาจจับกุมแล้วการเข้าไปจับย่อมทำไม่ได้
อย่างไรก็ดีในส่วนของเด็กหญิงอายุ 15 ปีนั้นวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังสอบปากคำซึ่งเตรียมจะแจ้งความกลับบุคคลดังกล่าวข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนผู้เสียหายรายอื่นอีก 21 รายหากพรุ่งนี้ในการประชุมได้ความชัดเจนในพฤติการณ์แต่ละรายอย่างไรแล้ว ก็เตรียมจะไปแจ้งความกลับในวันศุกร์ที่ 8 พ.ย.ต่อไป .-สำนักข่าวไทย