BIG STORY : เปิดรถหรูหาหลักฐานมัดตัว “เอ็ม” ผู้ต้องหาฆ่าเศรษฐินียัดตู้เย็น

เชียงใหม่ 30 ต.ค.- จนถึงขณะนี้ตำรวจยืนยันว่า ยังไม่สามารถจับกุม “เอ็ม” ผู้ต้องหาคดีฆ่า “เจ๊วรรณ” เศรษฐินีสายบุญ แล้วยัดศพในตู้เย็นในบ้านพักที่เชียงใหม่ แต่พบเบาะแสแล้ว ล่าสุด มีการเปิดรถยนต์หรูของผู้ตายที่ถูกทิ้งไว้ที่เชียงใหม่ ซึ่งพบหลักฐานมากมายที่ยังพุ่งเป้าไปที่ “เอ็ม” เพียงคนเดียวเพื่อชิงทรัพย์ผู้ตาย   


การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เริ่มจากดูร่องรอยและเก็บรอยนิ้วมือแฝงรอบตัวรถ พบกิ่งไม้คาอยู่บริเวณประตูรถด้านซ้าย เป็นข้อสังเกตถึงความเร่งรีบของผู้ที่นำรถยนต์คันนี้มาจอดทิ้งไว้ในป่าละเมาะที่ อ.สารภี เชียงใหม่ เมื่อตรวจสอบเลขตัวถังและเครื่องยนต์ ปรากฏว่าตรงกับรถของ น.ส.วรรณี จิรเจริญยิ่ง หรือเจ๊วรรณ เศรษฐินีวัย 58 ปี เหยื่อที่ถูกฆ่าและยัดศพในตู้เย็นในบ้านพักที่ อ.จอมทอง เชียงใหม่ เมื่อ 5 วันก่อน


เมื่อเปิดเข้าไปด้านในรถ เจ้าหน้าที่พบร่องรอยทั้งฝั่งคนขับและพบเส้นผมยาวคล้ายเส้นผมผู้หญิงอยู่ที่นั่งข้างคนขับ และที่สำคัญบริเวณที่เก็บของท้ายรถพบเศษผงปูนซีเมนต์อยู่บนกระดาษกล่อง พร้อมกับถุงพลาสติก ซึ่งมีพยานหลักฐานยืนยันนายเอ็ม ไปซื้อจากร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเชื่อมโยงกับทั้งการโรยปูนรอบตู้เย็นที่ยัดศพ และสาเหตุการตายของเหยื่อด้วย


ในทางสืบสวนพบว่า นายเอ็ม นำรถยนต์ของผู้ตายไปฝากไว้กับชายคนหนึ่ง เมื่อกลายเป็นข่าวดัง กลัวความผิด จึงนำรถมาทิ้งไว้ และเย็นที่ผ่านมาพบป้ายทะเบียนรถ ถูกนำไปซ่อนไว้ในห้องน้ำสถานีรถไฟเชียงใหม่ หลังจากที่นายเอ็ม ใช้รถยนต์คันนี้ขับหนีจากที่เกิดเหตุ และขับไปรับแฟนสาวคนล่าสุด ตระเวนนำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปกดเงินในหลายพื้นที่ จนได้เงินไปกว่า 1.2 ล้านบาท ก่อนจะนำรถไปฝากไว้ และเช่านรถยนต์ขับพาแฟนสาวไปเที่ยวเกาะเสม็ด จ.ระยอง และย้อนกลับมากรุงเทพฯ โดยให้แฟนสาวนั่งเครื่องบินกลับเชียงใหม่ก่อน อ้างว่ามีธุระที่ต้องทำต่อที่กรุงเทพฯ

นายเอ็ม ได้พูดคุยกับอดีตภรรยา อ้างว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าเจ๊ แต่ยังมีอีก 2 คนที่ร่วมด้วย ซึ่งในทางสืบสวนไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก เพราะหลักฐานตอนนี้ยังชี้ไปยังนายเอ็ม เพียงคนเดียว พร้อมกับการตั้งสังเกต ด้วยความคุ้นเคยกับเจ๊วรรณ จนเข้าออกบ้านได้ เคยเป็นทหาร รูปร่างสูงใหญ่ สามารถลงมือคนเดียวได้ไม่ยาก ที่สำคัญหากมีคนร่วมด้วยทำไมบัตรเอทีเอ็มและทรัพย์สินทั้งหมดจึงอยู่ที่นายเอ็ม คนเดียว ล่าสุด แม้ตำรวจจะยังจับกุมตัวนายเอ็ม ไม่ได้ แต่ได้เบาะแสแล้ว และรู้ว่ากบดานอยู่ในพื้นที่ไหน พร้อมขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที

คดีนี้กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญที่เต็มไปด้วยซับซ้อน ในการซ่อนเร้นอำพรางศพ ชะลอการพบศพได้นานถึง 17 วัน กว่าจะพบศพ การติดตามจับกุมและเชื่อมโยงพยานหลักฐานยากขึ้น และไม่ว่านายเอ็ม จะลงมือเพียงลำพัง หรือมีใครร่วมด้วย ท่ามกลางกระแสข่าวทั้งจริงทั้งลวง สุดท้ายเมื่อจับกุมตัวนายเอ็ม ได้ความจริงจะปรากฏ.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง