กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – ตลท.เผยรายงาน Portfolio 20 หุ้นยั่งยืนไทยใน DJSI ให้ผลตอบแทนสูงกว่า SET Index ระยะยาว
ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยแพร่รายงาน Portfolio 20 หุ้นยั่งยืนไทยใน DJSI ให้ผลตอบแทนสูงกว่า SET Index ระยะยาว ว่า บริษัทจดทะเบียนไทยทำสถิติใหม่ หลังการประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกที่เป็นองค์ประกอบใน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2562 โดยมีจำนวน 7 บริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดหรือเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของกลุ่มอุตสาหกรรม จากการประเมินบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกใน 60 อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจาก 5 อุตสาหกรรมในปีก่อน ส่งผลให้ประเทศไทยมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของโลกมากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดย CPALL และ PTTGC เป็นบริษัทจดทะเบียนไทยที่ขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มเป็นปีแรก ขณะที่ PTTEP ขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มแทน PTT และ TOP ขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มแทน IRPC ในปีก่อน
นอกจาก 7 บริษัทผู้นำด้านความยั่งยืนแล้ว บริษัทจดทะเบียนไทยอีก 13 บริษัทยังคงได้รับคัดเลือกให้เป็นองค์ประกอบใน DJSI ได้แก่ ADVANC AOT BTS CPF CPN HMPRO IRPC IVL KBANK MINT PTT SCB SCC การได้รับคัดเลือกให้เป็นองค์ประกอบใน DJSI แสดงให้เห็นว่าบริษัทดำเนินกิจการโดยให้ความสำคัญและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ซึ่งต้องบ่มเพาะในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงจะเห็นผลดีโดยตรงต่อผลประกอบการ
หากพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนทั้ง 20 บริษัทที่เป็นองค์ประกอบใน DJSI ในปี 2562 จะพบว่าระยะยาวการลงทุนในหุ้นที่มีความโดดเด่นด้าน ESG ให้ผลตอบแทนสูงกว่า SET Index อย่างชัดเจน โดยในช่วงประมาณ 15 ปี (สิ้นปี 2547 – 20 กันยายน 2562) portfolio จำลองที่ประกอบด้วย 20 หลักทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งคำนวณถ่วงน้ำหนักมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดให้ผลตอบแทนร้อยละ 370 หรือเฉลี่ยร้อยละ 24 ต่อปี ซึ่งสูงกว่า SET Index ที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 274 หรือ ร้อยละ 18 ต่อปี
นอกจากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง ความโดดเด่นด้าน ESG เป็นปัจจัยพื้นฐานของกิจการที่ผู้ลงทุนจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อความมั่นใจในการเติบโตอย่างยั่งยืนของกิจการและโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่า.-สำนักข่าวไทย