วอชิงตัน 20 ก.ย. – เหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันชี้ให้เห็นความไร้ประสิทธิภาพในการใช้ยุทโธปกรณ์ราคาแพงของซาอุดีอาระเบียในการป้องกันตัวเอง
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา สหรัฐได้ช่วยฝึกกำลังพลและขายอาวุธไฮเทค มูลค่ากว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กองทัพซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรวมทั้งเครื่องบินขับไล่และระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ แต่ซาอุดีอาระเบียกลับไม่สามารถปกป้องโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของประเทศจากการโจมตีของโดรนและขีปนาวุธได้
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐและนักวิเคราะห์ทางทหารระบุว่า การที่โรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ถูกโจมตีทางอากาศ ทั้งที่ซาอุดีอาระเบียมีระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาค ชี้ให้เห็นว่าขาดการทำงานที่สอดประสานกันในกองทัพซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐ ซึ่งดูแลการทำงานของกองกำลังสหรัฐในภูมิภาคเปิดเผยว่า ทางศูนย์บัญชาการกำลังทำงานร่วมกับกองทัพซาอุดีอาระเบียเพื่อดูว่าเกิดข้อผิดพลาดใดและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงหลายคนชี้ว่า แม้มกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานทรงให้วิสัยทัศน์สำหรับปี 2573 เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียลดการพึ่งพาน้ำมันและเปลี่ยนโฉมกองทัพให้มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วกองทัพ ซาอุดีอาระเบียจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับแนวทางดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะจากเหตุการณ์ล่าสุดได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าแม้จะมีอาวุธล้ำสมัย แต่ซาอุดีอาระเบียก็ยังไม่สามารถป้องกันตนเองได้.-สำนักข่าวไทย