รัฐสภา 5 ก.ย.-สภาฯ ท้วงหนักรายงาน กมธ.ศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนฯ ตั้งข้อสังเกต กมธ.ฯ รับผลประโยชน์ จากนั้นที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบให้ส่งข้อสังเกตของ กมธ.ฯ เพื่อแนบรายงานของ กมธ.ฯ ส่งไปยัง ครม. ด้วยคะแนน 412 ต่อ 25 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงบ่ายวันนี้ (5 ก.ย.) มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ.ฯ พิจารณาแล้วเสร็จ ซึ่งมีข้อสรุปของรายงาน คือ เสียงข้างมากของ กมธ.ฯ เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน และไม่เห็นด้วยที่จะขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว
ช่วงแรกของการพิจารณารายงาน คือ การนำเสนอของ กมธ.ฯ ทั้งส่วนเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตจาก กมธ.ฯ เป็นความเห็นของ กมธ.ฯแบบรายบุคคล ทำให้การอภิปรายของ ส.ส.ต่อข้อสังเกตนั้น เป็นในทางทักท้วงให้ทบทวนการจัดทำรายงาน เพราะจะมีปัญหาในทางปฏิบัติที่หน่วยงานต้องรับไปพิจารณา
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายตั้งข้อสังเกตของ กมธ.ฯ ที่ขัดแย้งและไม่เป็นเอกภาพ ทำให้อาจมีปัญหาต่อการส่งรายงานให้หน่วยงานไปปฏิบัติ ทั้งนี้หน่วยงานอาจรับข้อสังเกตได้ อย่างไรก็ตาม ในรายงานของ กมธ.ฯ ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลต่อการนำคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล บุคคลที่กระทำผิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการรู้ ขณะที่ข้อสังเกตของ กมธ.ฯ และมีความเห็นส่วนบุคคลระบุไว้ เชื่อว่าไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ และอาจจะถูกโยนทิ้งได้
“45 วันที่ กมธ.ทำงาน ไม่บอกสิ่งที่อยากรู้ หากสภาฯ ให้ความเห็นรายงานฉบับนี้อาจถูกตีความการทำงานได้ แม้ว่ารายงานของสภาฯ จะไม่มีผลผูกมัดใด ๆ ต่อหน่วยงาน สัญญาสัมปทานทางด่วน อนุมาณว่าเสียงส่วนรวมควรต้องต่อ เพื่อไม่ให้แพ้คดี หลังจากที่มีคดีแรกมีคำตัดสินแล้ว ขณะที่การขยายสัญญาบีทีเอสไม่ควรต่อสัญญา และมีความเห็นส่วนตัวของ กมธ. ซึ่งที่ผ่านมารายงานของ กมธ. ไม่เคยมีเขียนแบบดังกล่าว ผมขอฝาก กมธ.ที่ต้องทำงานแทนสภาฯ ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีของสภาฯ ให้มาก ไม่ใช่ทำรายงานที่นำไปอ้างอิงใด ๆ ไม่ได้ ทั้งนี้ผมขอให้นำรายงานกลับไปทบทวน” นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่ดูรายละเอียดรายงาน รู้สึกสงสัยว่าเป็นผลการศึกษาหรือเป็นความเห็นของ กมธ.กันแน่ เพราะเป็นความเห็นรายบุคคลของ กมธ. ซึ่งไม่เคยเห็นการจัดทำรายงานในลักษณะที่ กมธ.ฯ ลงมติ หรือให้ความเห็นเป็นรายบุคคล โดยรายงานที่ถูกต้องตามข้อบังคับต้องแสดงถึงผลการศึกษา จะนำข้อมูลและข้อเท็จจริงนำเสนอ จึงขอให้ กมธ. นำรายงานไปทบทวนให้ตรงกับรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาฯ
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอให้ กมธ.นำรายงานกลับไปทบทวนใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ อย่างไรก็ตาม ตนผิดหวังกับนายวีระกร ต่อการทำงานฐานะประธาน กมธ.ฯ ที่ทำรายงานออกมาเละเทะ หาก กมธ.ฯ ไม่ถอนรายงานไปทบทวนและยืนยันให้สภาฯ ลงมติ ขอให้ กมธ.ฯ รับผิดชอบในผลที่จะเกิดจากการพิจารณาคดีทางด่วนในชั้นศาลด้วยตนเอง รวมถีงกรณีที่มีผู้พิสูจน์ต่อกรณีข้อกล่าวหาว่า กมธ.ฯ รับผลประโยชน์ด้วย
ขณะที่นายวีระกร ชี้แจงโดยยอมรับว่า หนักใจที่รับทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องมาพิจารณาร่วมกัน และมีเวลาพิจารณาเพียง 45 วัน ยอมรับว่าความเห็นของ กมธ.มีความหลากหลายและแตกแยกเป็นหลายประเด็น ดังนั้นผลการศึกษาและข้อสังเกตของ กมธ.จึงมีลักษณะดังกล่าว เช่น การสนับสนุนให้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน นั้นยังมีรายละเอียดที่เป็นข้อสังเกต ซึ่งแตกต่างกัน ทั้งนี้ยืนยันว่ามีเหตุผลในรายละเอียดที่สมาชิกฯ สามารถศึกษาได้ ส่วนความเป็นมาของเรื่องที่ตรวจสอบและไม่ได้ระบุในรายงาน ยอมรับว่าเป็นข้อบกพร่อง ซึ่งตนขอความเห็นใจที่ กมธ. ทำงานอย่างหนัก
ด้านนายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะ กมธ.ฯ เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ความเห็นของ กมธ.ฯ ที่ลงมติมีความเห็นที่ไม่ตรงกันและขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตาม การจัดทำรายงาน เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์เป็นผู้จัดทำ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า กมธ.ฯ หวังดีต่อประเทศชาติ คำนึงผลประโยชน์ประชาชน ทั้งนี้ที่ ส.ส.กล่าวหาว่า กมธ.ฯ รับเงิน ยืนยันไม่เป็นเรื่องจริง ทำงานตรงไปตรงมา และไม่กลัวเรื่องการดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนหนึ่งของการอภิปราย มีเหตุวุ่นวายเล็กน้อย หลังจากที่ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่ามีบุคคลคุยกันและมีข่าวลือภายนอกสภาฯ ว่า กมธ.ฯ มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่พิจารณา ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทักท้วงให้อภิปรายในกรอบและข้อบังคับ เนื่องจากไม่ควรกล่าวคำพูดที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในสภาฯ และขอให้ถอนคำพูดว่าข่าวลือ จากนั้นให้นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะ กมธ.ฯ เสียงข้างมาก ชี้แจง ยืนยันว่าไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่พิจารณา กมธ.ชุดนี้ไม่มีใครคดโกง และไม่มีใครพัวพันกับคดีฆ่าคนตาย ทั้งนี้หากมีหลักฐาน ขอให้ส่งเรื่องตรวจสอบตามกระบวนการ
จากนั้น ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ส่งข้อสังเกตของ กมธ.ฯ เพื่อแนบรายงานของ กมธ.ฯ เพื่อส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยคะแนน 412 ต่อ 25 เสียง ไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง 20 เสียง ขณะที่รายงานของ กมธ.ฯ ไม่มีการลงมติ จึงทำให้สภาฯ ส่งรายงานทั้งฉบับและข้อสังเกต กมธ.ที่ถูกท้วงติงให้ ครม.พิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย