หอประชุม ทีโอที 26 ก.ค.- การแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาวันที่ 2 นายกฯ ยืนยัน รัฐบาลวางแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ภัยแล้งอย่างเป็นระบบ รวมถึง ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ไม่ยกเว้นหากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ
การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล วันนี้ (26 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 2 มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เปิดให้ตัวแทนทั้ง 3 ฝ่ายหารือเรื่องเวลาในการอภิปราย เนื่องจากเวลาเหลือ 16 ชั่วโมงกว่า ซึ่งจะทำให้เกินเที่ยงคืนของวันนี้ไปหลายชั่วโมง
ประธานอนุญาต “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เข้าประชุมต่อได้
ระหว่างนั้น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ใช้สิทธิ์หารือ ขอให้ที่ประชุมปฏิบัติตามข้อบังคับโดยระบุว่า “เนื่องจากวานนี้ (25 ก.ค.) ประธานในที่ประชุมได้เชิญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ออกจากห้องประชุม แล้วเหตุใด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงเสนอหน้าเข้ามานั่งอยู่ในห้องประชุมได้ ท่านประธานเชิญกลับมาหรือเปล่า” ทำให้เกิดการประท้วงกันวุ่นวาย โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประท้วงขอให้ น.ส.ปวีณา ถอนคำพูด เพราะทำผิดข้อบังคับการประชุมพูดเสียดสีคนอื่น
อย่างไรก็ตาม นายพรเพชรได้ห้ามปามสมาชิก และวินิจฉัยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูกเชิญออกจากห้องประชุมโดยไม่มีกำหนดเวลา แต่วันนี้เวลาได้ผ่านมาแล้ว จึงกลับเข้าร่วมประชุมได้ตามปกติ
สมาชิกขอให้ทบทวนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
จากนั้น สมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายเน้นถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เห็นว่า แม้มีการวางไว้ครอบคลุมแล้ว แต่รัฐบาลจะต้องวางกรอบแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจให้ชัดเจน เพื่อรองรับกับการผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมถึง ขอให้ทบทวนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างรอบคอบ เพราะที่ผ่านมาเมื่อปรับขึ้นราคาสินค้าก็จะปรับสูงขึ้นตามมาด้วย ไม่สามารถช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริง
นายกฯ ยืนยันทำอย่างเป็นระบบ
นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจง ยืนยันรัฐบาลได้วางแนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนปัญหาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น คณะกรรมการไตรภาคีจะเป็นผู้พิจารณาแต่รัฐบาลพร้อมที่จะรับไปดูแลอย่างเป็นระบบ เพราะการปรับค่าแรงจะกระทบผู้ประกอบการและราคาสินค้า ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหา จะเน้นเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงาน
ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลควรมีการปรับยุทธศาสตร์ในเรื่องของการลงทุน เนื่องจากขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม มีการลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต่างประเทศรัก และชอบประเทศไทย แต่ไม่ชอบการประท้วง ซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง และความสงบเรียบร้อย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนและการท่องเที่ยว ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การสร้างโรงแรมพื้นที่บนเขา ไทยไม่สามารถให้สิทธิประโยชน์เหล่านั้นได้ทั้งหมด ขณะที่ไทยเองยังมีปัญหาเวลาจะมีการลงทุนใหม่ๆ โดยเกิดจากความไม่เข้าใจของประชาชน ดังนั้นทุกอย่างต้องมองในภาพรวมก่อน ว่าอะไรจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องเตรียมการปฎิรูปทั้งระบบให้ทันการเปลี่ยนแปลง และทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือ เพราะถ้าไม่ร่วมมือก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ไทยก็ต้องสร้างการลงทุนและโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ไทยมีความเจริญเติบโตสูงขึ้น
นายกฯ แจงแก้ปัญหาภัยแล้ง-เกษตร-ทุจริต
นอกจากนี้ สมาชิกรัฐสภาได้สอบถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาเกษตกร และการตรวจสอบการทุจริตในกรณีต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการสำหรับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีแผนการดำเนินการทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะการผลักดันในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ชี มูล เข้าสู่ภาคเกษตรในทุกหมู่บ้าน แต่ปัญหาที่พบคือ ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้ เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ แต่รัฐบาลก็ยังคงต้องเดินหน้าศึกษาและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป เช่นเดียวกับปัญหาของเกษตรกร ที่ส่วนตัวมองว่า วันนี้เกษตรกรทำนา แต่ไม่ได้เงิน เพราะมีแต่หนี้ ที่ไปกู้ยืมมา ซึ่งรัฐบาลก็ต้องเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อลดปัญหาหนี้สินของเกษตรกร รวมถึง พิจารณาถึงปริมาณการผลิต และความต้องการของตลาด ให้มีความสมดุลกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง แนวทางการป้องกันทุจริตคอรัปชั่นในหน่วยงานของภาครัฐ ซึ่งมีข้อเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาลให้ดำเนินการตรวจสอบ ว่า การดำเนินการทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน หากพบว่ามีความผิด ก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งผลจะออกมาอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่าเอามาพูดกันก่อน เพราะจะทำให้เกิดความวุ่นวาย
แนะขับเคลื่อนงานการทูตเชิงรุก
นอกจากนี้ สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลอภิปรายว่า ต้องการให้รัฐบาลขับเคลื่อนงานการทูตเชิงรุก โดยเน้นกลุ่มประเทศตะวันกลาง โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย ซึ่งอยากให้รัฐบาลเชิญชวนเข้ามาลงทุนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องการขยายสนามบินที่นราธิวาส
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล เพราะตนมีความสนิทสนมกับผู้นำหลายประเทศด้วยกัน และซาอุดิอาระเบีย ก็ได้เชิญตนเดินทางไปเยือน รวมถึงเยือนกลุ่มประเทศอาหรับด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะมีความร่วมมือที่ดีขึ้น รวมถึงเรื่องแรงงานด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน ว่า รัฐบาลมีแผนปฎิรูปพลังงานที่ใช้ในการควบคุมอยู่แล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งในด้านน้ำมัน ก็ส่งเสริมการใช้ บี 20 มากขึ้น และจะส่งเสริมให้นำไบโอดีเซลไปใช้ในระบบขนส่งมวลชน ส่วนการส่งเสริมการใช้ยางพารา ทางรับาลได้ติดต่อกับกลุ่มประเทศมุสลิม ซึ่งมีความสนใจที่จะลงทุนนำยางพาราไปทดสอบการทำถนน
รมว.เกษตรฯ แจงปัญหาภัยแล้ง
จากนั้น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงนโยบายรัฐบาล หลังจากสมาชิกอภิปรายเรื่องปัญหาภัยแล้ง ว่า ได้รับฟังทุกความเห็น เพื่อนำไปเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการแก้ไข ต้องยอมรับว่า ช่วง 2-3เดือนที่ผ่านมา ฝนทิ้งช่วง แต่ก็โชคดีที่มีมรสุมพัดผ่านเข้ามา ทำให้ฝนตกในภาคเหนือตอนบนและอีสานตอนกลาง จนมีน้ำเติมเข้ามาในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น มีทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว ต้องเร่งจัดการบริหารน้ำให้มีประสิทธิภาพ ปริมาณเพียงพอ ต่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยเฉพาะพืชหลัก เช่น ข้าว จะทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ส่วนข้าวที่เสียหายไปแล้ว ได้สั่งให้เกษตรจังหวัดเกษตรอำเภอและเกษตรตำบล เข้าไปสำรวจความเสียหาย หากเข้าข่ายหลักเกณฑ์ก็จะจ่ายเงินชดเชยให้ สำหรับพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งขาดน้ำอุปโภคบริโภค ก็ได้ส่งรถน้ำเข้าไปดูแลแล้ว ขณะที่ การแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้สำรวจพบแหล่งน้ำทำฝายกักเก็บน้ำเริ่มศึกษา วิธีการเติมน้ำให้เขื่อน มือสองเขื่อนใหญ่ เพราะต้องดูแลพื้นที่เกษตรกรกว่า 10 ล้านไร่
“ยืนยัน ทำงานทุกวัน ทั้งการทำฝนเทียมที่ต้องสำรวจพื้นที่ที่สามารถทำได้ แม้จะมีรัฐมนตรีถึง 4 คน แต่ก็ทำงานกันด้วยความราบรื่น ไม่มีปัญหาและประสานงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว” นายเฉลิมชัย กล่าว
จากนั้น นายพรเพชรได้แจ้งสมาชิกว่า วิป 3 ฝ่ายมีความห่วงใยเรื่องเวลา จึงต้องการให้ฝ่ายรัฐบาลไปตกลงเรื่องกรอบเวลาใหม่ เนื่องขณะนี้คณะรัฐมนตรีใช้เวลาชี้แจงเกือบครบ 5 ชั่วโมงแล้ว เพื่อไม่ต้องนัดประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ค.) . – สำนักข่าวไทย