รณรงค์รับน้องใหม่สร้างสรรค์

กทม.24 ก.ค.-เครือข่ายเยาวชน ร่วมกับ 60 สถาบันการศึกษา จัดรณรงค์รับน้องใหม่สร้างสรรค์ กระตุ้นให้กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมที่เคารพ ให้เกียรติ ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น และไม่ทำผิดกฎหมาย 


เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ฯลฯ จัดรณรงค์รับน้องสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการ “รับเพื่อนใหม่ เคารพสิทธิ…มิตรภาพ” เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมรับน้องใหม่อย่างสร้างสรรค์ เคารพให้เกียรติและ     ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ทำผิดกฎหมาย พร้อมเปิดตัวเพจ “เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ”รับเรื่องราวร้องเรียนกิจกรรมรับน้องใหม่ที่มีการกระทำไม่เหมาะสม และทีมกฎหมายให้ความช่วยเหลือ 


ภายในงานกลุ่มเยาวชนยังได้ประกาศเจตนารมณ์ สนับสนุนให้นักศึกษาทุกสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ จัดกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ ที่เคารพสิทธิและสร้างมิตรภาพได้อย่างแท้จริง  


น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยง สสส.กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จะเป็นหมุดหมายที่สำคัญสู่การรับน้องใหม่ที่สร้างสรรค์ ให้เห็นพลังและคุณค่า เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สามัคคี เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน ห่างไกลจากเหล้า ยาเสพติด การพนัน อบายมุขทุกรูปแบบ เป็นการถอยห่างจากระบบอำนาจนิยม ที่เคยนำไปสู่ความอับอาย หรือบาดเจ็บและสูญเสีย การใช้คำว่ารับเพื่อนใหม่ แทนคำว่ารับน้องใหม่ คงต้องการสะท้อนความเสมอภาค  ลดการกดทับในเชิงอำนาจจากความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง  ซึ่งมีนัยสำคัญมากต่อกิจกรรมนี้

“ข่าวความสูญเสียจากกิจกรรมรับน้องใหม่ บ่อยครั้งที่เลยเถิดถึงขั้นบาดเจ็บ เสียชีวิต คำถามสำคัญคือจะยินยอมให้ความไม่ถูกต้อง ยังคงอยู่อย่างเป็นปกติเช่นนี้ หรือจะร่วมกันยืนหยัดและปฏิเสธความไม่ถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของกิจกรรมวันนี้ คือการรับเพื่อนใหม่  ต้องเคารพสิทธิและมุ่งสู่มิตรภาพอย่างแท้จริง หลักการสำคัญ 1.ต้องเคารพให้เกียรติกัน  2.ต้องสนุก  กระตุกให้คิดและสร้างสรรค์  3.ต้องไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ 4. ต้องมีความปลอดภัย  และ 5.ต้องปลอดจากอบายมุขทุกชนิด” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว  

นายกีรติ  ปั้นมณี  เลขาธิการกลุ่ม ANTI  SOTUS กล่าวว่า ความรุนแรง ในการรับน้องและกระบวนการยุติธรรมที่สาวไปไม่ถึงตัวผู้กระทำความผิด เป็นเรื่องที่สถาบันมักปิดข่าว ไม่ให้เผยแพร่ออกสู่พื้นที่สาธารณะ โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เกิดจากการเชื่อมโยงของ 5 ภาคส่วน ได้แก่ 1. ตัวมหาวิทยาลัยหรือสถาบัน 2. บุคลากรในสถาบัน 3. นักศึกษาทั่วไป(รุ่นพี่) 4. ผู้นำนักศึกษา และ 5. นักศึกษา ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ให้เผยแพร่สู่พื้นที่สาธารณะ คือสถาบันพยายามที่จะปิดข่าว โดยมีบุคลากรในสถาบันเป็นผู้ดำเนินการปิดข่าว ขณะที่นักศึกษาทั่วไป (รุ่นพี่) และผู้นำนักศึกษาที่ทำการรับน้องของสถาบัน คนกลุ่มนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลากรในสถาบัน เพราะถ้าหากสถาบันมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ต้องอาศัยนักศึกษานี้ในการเกณฑ์คนเข้ามาช่วยทำกิจรรมสถาบัน ส่วนตัวนักศึกษาเอง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่อยากเอาความกับรุ่นพี่ จึงสรุปได้ว่า บุคลากรและสถาบันมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าว จึงมีความพยายามที่จะไกล่เกลี่ยหรือปิดข่าวเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา

“สถาบันไม่ควรเห็นแก่ชื่อเสียงด้วยการปิดข่าว แต่ควรเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาและควรเป็นหน่วยงานที่จะช่วยหาตัวผู้กระทำความผิด หรือช่วยเหลือผู้เสียหายในการฟ้องร้อง เท่ากับเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ และอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ เพราะมีความคิดว่าไม่อยากเอาเรื่องให้เด็กเสียอนาคตหรือหากจะเอาเรื่องกระบวนการทางกฎหมายก็ล่าช้า และมีค่าใช้จ่าย ซึ่งหากเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการ ผู้เสียหายก็ไม่อยากดำเนินคดี”นายกีรติ กล่าว

นายเอ (นามสมมติ) ตัวแทนเยาวชนที่เคยผ่านการรับน้องระบบอำนาจนิยม ใช้ความรุนแรง กล่าวว่า อดีตเคยเรียนอาชีวะศึกษา ปี 1ที่สถาบันแห่งหนึ่ง ก่อนที่รุ่นพี่จะจัดกิจกรรม รับน้องที่ต่าง จังหวัด รุ่นพี่จะทำการเทรนรับน้องเกือบทุกวันเพื่อล้างสมอง และปลูกฝังความคิดให้กับรุ่นน้อง เช่น พูดกล่อมให้รักสถาบัน และให้เกลียดสถาบันครู่อริ ส่วนวิธีปฏิบัติ รุ่นพี่จะทำการเตะหน้าอกรุ่นน้องและให้กินไข่ดิบ รวมถึงอาหารแปลกๆที่ไม่เคยกิน เมื่อถึงวันจริงรุ่นพี่ใช้วิธีรับน้อง เช่นเดียวกับ การเทรนแต่จะรุนแรงขึ้น เช่น ดื่มเหล้าแทนน้ำ ให้ยืนดิ่งล้มให้หน้าอกกระแทกพื้น หรือแม้กระทั่ง ใช้เท้าเตะหน้าหรือใช้มือตบหน้า แกล้งนำน้ำทะเลมาต้มข้าวให้กิน นำกะปิมาแทนยาสีฟัน และหลังผ่านการรับน้องก่อนกลับรุ่นพี่จะนำเหล็กรูปสัญลักษณ์บางอย่างมารนไฟเพื่อจี้หัวไหล่รุ่นน้องที่ผ่านการรับน้อง เหมือนเป็นการทำสัญลักษณ์ของรุ่น ส่วนคนที่ไม่เข้ารับการรับน้อง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไม่เอาระบบ ก็จะถูกรุ่นพี่บีบให้ออกจากสถาบันด้วยวิธีต่างๆ 

นายเอ กล่าวต่อว่า ความรู้สึกตอนโดนรับน้องไม่ได้รู้สึกอะไรมากเพราะคิดว่าต้องทำเพื่อให้ ได้มีสิทธิเรียนที่สถาบัน ต่อมาเมื่อขึ้นปี2 กลายเป็นรุ่นพี่ที่ต้องมารับน้องบ้าง ตนและรุ่นพี่คนอื่นๆยังคงใช้วิธีรับน้องแบบเดิม เหมือนเป็นวัฒนธรรมที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะเลี่ยงการทำร้ายร่างกาย รุ่นน้องเพราะรู้สึกสงสาร จากนั้นไม่นานก็ก่อคดีจนต้องเข้ามาอยู่สถานพินิจและได้โอกาสเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษกที่นี่สอนให้รู้จักเรื่องสิทธิมนุษยชน การเคารพในเนื้อตัวร่างกายผู้อื่น การไม่มีสิทธิไปทำร้ายร่างกายใคร และมีกิจกรรมที่กระตุ้นให้มีความคิด มีเหตุมีผล  ควบคุมอารมณ์ จนเข้าใจและตกผลึกมากพอ  อยากฝากไป ถึงรุ่นพี่ที่ยังใช้ความรุนแรงและใช้อำนาจ ว่าให้หยุดเถอะ อย่าทำอะไรที่ไร้เหตุผล  ขาดสติหรือลืมตัวเพื่อ ให้คนอื่นยอมรับ ต้องเปิดตามองว่าคุณไม่ได้ จมอยู่กับจุดจุดนี้ทั้งชีวิต 

ทั้งนี้ เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิและตัวแทนนักศึกษาในเครือข่ายมหา วิทยาลัยสร้างสุขจาก 60 สถาบันการศึกษา ได้ประกาศเจตนารมณ์การจัดกิจกรรมรับน้องอย่างสร้างสรรค์ ภายใต้สโลแกน “รับเพื่อนใหม่ เคารพสิทธิ  มิตรภาพ” ยึดมั่นในหลักการสำคัญดังนี้ 1.จะปรับรูปแบบการรับเพื่อนใหม่ให้เป็นกิจกรรมเชิงบวกและสร้างสรรค์ให้มากขึ้น 2.จะไม่ใช้ความรุนแรงทั้งร่างกาย และวาจาลดคุณค่าความเป็นมนุษย์และละเมิดสิทธิ 3.จะแสวง หาแนวทาง รูปแบบ กิจกรรมการรับเพื่อนใหม่ที่สื่อให้เห็นถึงคุณค่าในตนเอง เคารพตนเอง เห็นคุณค่าของผู้อื่น และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 4. จะไม่ให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  การพนัน  ยาเสพติด  อบายมุขทุกชนิดเข้ามาเกี่ยวข้องในกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ 5.ไม่เพิกเฉยต่อความไม่ถูกต้อง และการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้น โดยจะร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องและแจ้งเหตุ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

อากาศร้อน และร้อนจัดบางพื้นที่ ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอากาศร้อนโดยทั่วไป และร้อนจัดบางพื้นที่ มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่ง

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก