อภ. 12 ก.ค.- อภ.เตรียมส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น 10,000 ขวดให้โรงพยาบาลใช้รักษาผู้ป่วยปลายเดือนนี้ พร้อมเดินหน้าปลูกกัญชาล็อต 2 ทันที
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นประธานลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาในรูปแบบต่างๆ ในรูปแบบยาเตรียมที่ทันสมัย ใช้งานง่าย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และเหมาะสมกับโรคต่างๆ มากขึ้น โดยอภ.จะสนับสนุนสารสกัดน้ำมันกัญชา เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่จะเป็นในส่วนของสารสกัดน้ำมันกัญชาในล็อตที่ 2 ที่จะส่งมอบได้ในอีก 4 เดือนข้างหน้า
ด้านรศ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณะบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการเเทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า 5 คณะของมหาวิทยาลัย ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เภสัชศาสตร์เเละสัตวเเพทยศาสตร์ได้ร่วมมือ วิจัยเเละพัฒนาการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่ 10ไร่ เพื่อปลูกเเละศึกษาสายพันธุ์กัญชา ทั้งพันธุ์ไทยเเละต่างประเทศซึ่งได้รับการอนุญาตจากอย.เเล้ว โดยจะทดลองปลูกพร้อมกันทั้ง 4 ระบบ เเละนำสารสกัดที่ได้มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆในเบื้องต้น จะนำมาผลิตภัณฑ์ยา 10 รูปแบบ อาทิ ยาเหน็บทวารหนัก แผ่นแปะซึมผ่านผิวหนังเเละเเผ่นฟิล์มเกาะติดเนื้อเยื่อในช่องปากเเละในอนาคตจะร่วมมือกับอภ.เพื่อพัฒนารูปแบบยาที่ทันสมัยมากขึ้น เเละให้ประชาชนเข้าถึงในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ยังมีเเผนที่จะนำผลิตภัณฑ์กัญชามาทดสอบการรักษาในผู้ป่วยระยะสุดท้ายของศูนย์การุณรักษ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนเเก่นด้วย นอกจากนี้ยังจะนำกากเหลือใช้จากช่อดอกกัญชาแห้งของต้นกัญชา ให้คณะสัตวแพทย์ ม.ขอนแก่น นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ต่อไปด้วย
ส่วนความคืบหน้าการผลิตสารสกัดน้ำมันกัญชาเมดิคัลเกรดของอภ. ล่าสุดผลิตน้ำมันกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ขวด จากเป้าเดิม 2,500 ขวด ซึ่งที่เพิ่มขึ้นจะเป็นส่วนของสูตร THC สูง และจะเริ่มทยอยกระจายผ่านกรมการเเพทย์ไปสู่โรงพยาบาลที่ได้รับอนุญาตนำผลิตภัณฑ์กัญชามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยได้ในช่วงปลายเดือนก.ค.เเละส.ค.นี้
ทั้งนี้ย้ำว่า การใช้สารสกัดน้ำมันกัญชารักษาโรคจะไม่ใช้เป็นทางเลือกเเรก แต่จะใช้ต่อเมื่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานไม่ได้ผล ส่วนแผนที่จะดำเนินต่อไปหลังจากเก็บเกี่ยวดอกกัญชา 140 ต้นซึ่งเป็นล็อตเเรกหมดเเล้ว อภ.จะทำความสะอาดพื้นที่เพื่อปลูกในล็อตที่2 ต่อไปทันที โดยคาดว่าจะได้สารสกัดกัญชาล็อตที่ 2 ประมาณปลายปีนี้
ส่วนการดำเนินการในระยะที่2 จะเป็นระดับกึ่งอุตสาหกรรม จะขยายพื้นที่ปลูกเป็นแบบ Indoor และGreen house พร้อมปรับปรุงสายพันธุ์ทั้งไทยเเละลูกผสม ให้ได้สารสำคัญที่เหมาะสมเเละสามารถปลูกในสภาพอากาศของไทยได้ ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตเป็น 150,000-200,000 ขวด คาดว่าจะดำเนินการปลูกได้ต้นปี 2563.-สำนักข่าวไทย