อนาคตใหม่ ขอประชาชนจับตา 3
โครงการเมกะโปรเจครอยต่อ คสช.และรัฐบาลชุดใหม่
หวั่นเอื้อประโยชน์ให้สัมปทานกลุ่มทุน
พรรคอนาคตใหม่ 7 ก.ค.-อนาคตใหม่ ขอประชาชนจับตา 3
โครงการเมกะโปรเจครอยต่อ คสช.และรัฐบาลชุดใหม่
หวั่นเอื้อประโยชน์ให้สัมปทานกลุ่มทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ศิริกัญญา
ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
และ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ร่วมแถลงข่าว ขอให้ประชาชนจับตาโครงการต่างๆของ
คสช. ที่อาจจะมีการทิ้งทวง
โดยเร่งรัดประมูลหรือให้สัมปทานระหว่างรอยต่อที่จะมีการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาล
คสช.เป็นรัฐบาลชุดใหม่
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า
เพื่อไม่ให้เกิดการดำเนินงานที่เสียผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจค 3 โครงการ คือ
โครงการสัมปทานทางด่วน
ที่กำลังจะหมดอายุสัมปทานในต้นปีหน้าและมีความพยายามจะขยายอายุสัมปทานต่อไปอีก 30
ปีโดยมิชอบ หรือที่เรียกว่าค่าโง่ทางด่วน
ซึ่งเรื่องนี้สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุญัตติขอตั้งกรรมาธิการศึกษาและตรวจสอบไว้ในวาระการประชุมของสภาวันที่
10 ก.ค.นี้แล้ว ขณะเดียวกันการทางพิเศษ
ควรพิจารณาจ่ายค่าโง่ทางด่วนตามคำสั่งศาลปกครอง
เพื่อไม่ให้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นขอขยายอายุสัมปทานต่อ
นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างสนามบิน
ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งเป็นการประมูลแบบไม่ปกติ
เพราะกลุ่มทุนต้องการพัฒนาที่ดินโดยรอบหรือไม่
และใช้โครงการรถไฟความเร็วสูงมาเป็นเครื่องมือ ดังนั้นควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ
เพื่อตรวจสอบอำนาจพิเศษในรูปแบบการประมูลโครงการนี้ว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนหรือไม่ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-นครราชสีมา
แม้จะเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญ
แต่ขณะนี้ก็มีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราชแล้ว
ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อน และไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนหากประชาชนใช้บริการน้อยอาจทำให้รัฐต้องจ่ายเงินอุดหนุนทุกปีเกิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
“พรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า
ไม่ได้ขัดขวางโครงการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจคของรัฐบาล แต่อยากให้คำนึงถึงความจำเป็น ไม่ซ้ำซ้อน
และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนมากที่สุดเพราะการใช้จ่ายงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ”นายสุรเชษฐ์
กล่าว
ด้านน.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า
พรรคอนาคตใหม่ ต้องการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนร่วมกันจับตาโครงการต่างๆ ของรัฐบาล
คสช. ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงรอยต่อของรัฐบาล เช่น
โครงการท่อร้อยสายที่เป็นอำนาจของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการให้สัมปทานสองต่อ
โดยให้บริษัทกรุงเทพธนาคมซึ่งไม่มีความสามารถในการดำเนินการ
จึงไปเปิดประมูลอีกทอดให้บริษัท ทรู คอปอร์เรชั่น
ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับการใช้ประโยชน์ในโครงการดังกล่าว จึงอยากเรียกร้องว่า
หากโครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทจริง
ควรต้องเข้าพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ร่วมทุน และเปิดเผยทีโออาร์ต่อสาธารณะ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า
นอกจากนี้ยังมีโครงการยืดหนี้ กสทช. ให้กลุ่มทุนโทรคมนาคมที่จะได้ประโยชน์ 2
หมื่นล้านบาท รวมถึงผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้ประโยชน์ 3.8 หมื่นล้านบาท
โดยขอเรียกร้องให้เปิดประมูลคลื่นความถี่ 5จี ไม่ใช่ทำการแจกแบบที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ในเรื่องโครงการดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบิน
แม้จะประมูลเสร็จสิ้นไปแล้วแต่ยังมีการประมูลจุดรับส่งสินค้า หรือ Pick Up Counter ซึ่งผู้ที่ควรได้สัมปทานในส่วนนี้ไม่ควรเป็นคนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม
ที่ผ่านมาพรรคได้เห็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่ใช้เม็ดเงินไม่คุ้มค่า
แต่ไม่สามารถเรียกร้องให้ประชาชนออกมากดดันรัฐบาลได้ ดังนั้น
จึงขอวิงวอนให้ทุกคนร่วมจับตาและกดดันส่งเสียงไปยังรัฐบาล
เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง.สำนักข่าวไทย