ฉะเชิงเทรา 27 มิ.ย.- ช่วง “เรื่องนี้มีคำถาม” กรณีที่มีผู้โพสต์ในแฟนเพจของรายการเช้าชวนคุย คดีที่หนุ่มโรงงานใน จ.ฉะเชิงเทราบ ขับขี่รถจักรยานยนต์ถูกรถพ่วงทับเสียชีวิตอยู่ริมถนน ไม่มีความคืบหน้า เพราะคู่กรณีหลบหนี และไม่มีพยานจดจำทะเบียนรถพ่วงก่อเหตุได้ พอทราบเรื่องรายการเช้าชวนคุย จึงส่งผู้สื่อข่าวของเราออกไปตั้งคำถามถึงที่ จ.ฉะเชิงเทรา
เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อเวลาเที่ยงวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ร.ต.ท.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบเหตุผู้เสียชีวิตที่บริเวณถนนฉะเชิงเทรา-สุวินทวงศ์ ในพื้นที่หมู่ 5 ต.นครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา เส้นทางนี้กำลังทำพื้นถนนและเป็นช่วงคอสะพานที่มีเส้นทางเบี่ยง โดยในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย ทราบชื่อต่อมาคือนายกฤตชัย ศรีเมือง อายุ 44 ปี พักอาศัยอยู่บ้านใน ต.วังตะเคียน อ.เมืองฉะเชิงเทรา นอนคว่ำหน้าคร่อมรถจักรยานยนต์ จากการตรวจสอบสภาพร่างกายพบร่องรอยล้อรถบรรทุก 18 ล้อ ทับที่บริเวณช่วงก้นมาถึงแผ่นหลังและศีรษะ
จากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า ผู้ตายเป็นพนักงานของโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังจะขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับบ้านพักที่เปิดเป็นร้านรับ-ส่งไปรษณีย์อยู่แถวตลาดปองพล โดยผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้านซ้ายของรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ แต่ช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่เป็นทางเบี่ยงของคอสะพาน แต่ถูกรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เบียดจนล้มคว่ำก่อนจะทับร่างซ้ำ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์จำทะเบียนรถไม่ได้ เพราะอยู่ห่าง และการจราจรตัดขัดอย่างหนัก ทำให้ไม่ทราบได้ว่ารถพ่วงที่ก่อเหตุวิ่งไปที่ไหน
ผู้สื่อข่าวของเราสอบถามความคืบหน้าอุบัติเหตุดังกล่าวจาก พ.ต.ท.สุพรรณ์ พลภักดิ์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.ฉะเชิงเทรา ได้ความว่า เรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ได้เรียกสอบพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ แต่พยานยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งอาจมีการออกหมายเรียกพยานคนดังกล่าวเพื่อมาให้ปากคำในขั้นตอนต่อไป พร้อมทั้งส่งลักษณะของรถคันก่อเหตุ ซึ่งมีลักษณะเป็นรถตู้พ่วงสีขาว ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการติดตามหารถคู่กรณีต่อไป และให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง แต่เนื่องด้วยถนนสายดังกล่าวมีการขยายซ่อมสร้างทางใหม่ จึงค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีการรื้อถอนกล้องในบางจุดออกไปแล้ว จึงขอความร่วมมือจากผู้ใช้รถในเส้นทางดังกล่าว ซึ่งมีกล้องหน้ารถและบันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุไว้ได้มามอบให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจเมืองหรือผู้เห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูลเพื่อความรวดเร็วในการติดตามคลี่คลายคดี และติดตามหาผู้กระทำความผิดต่อไป.-สำนักข่าวไทย