กรุงเทพฯ 28 พ.ค. – ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนเมษายนปรับลงจากความกังวลหลายด้าน แนะรัฐบาลใหม่เร่งเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนเมษายน 2562 อยู่ที่ 47.8 ลดลงจากเดือนมีนาคมอยู่ที่ 48.4 ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ต้องเกิน 50 ขึ้นไป จากความไม่เชื่อมั่นทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกที่มีความกังวลปัญหาสงครามการค้าสหรัฐกับจีนที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีทางออกอย่างไร ประกอบกับปัญหาการเมืองในประเทศที่ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลและเมื่อผลออกมาแล้วจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ แม้ว่าเดือนเมษายนมีวันหยุดหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์กระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากก็ยังไม่ได้คลายความวิตกมากนัก
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยประเมินภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงมีหลายปัจจัยที่ยังกังวล โดยเฉพาะทางออกของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ที่จะลดปัญหาการตอบโต้ไปมาให้น้อยลงก็น่าจะทำให้ความกังวลของทั่วโลกได้ แต่คงต้องจับตาว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ดังนั้น จากหลายปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลให้อัตราการเติบโตเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีแรกน่าจะโตเพียงแค่ร้อยละ 2.8-3 และครึ่งปีหลังน่าจะโตร้อยละ 3-4 ส่งผลให้ทั้งปีเศรษฐกิจจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 4 ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตเพียงแค่ร้อยละ 3.5 เท่านั้น
ทั้งนี้ ทางศูนย์พยากรณ์ฯ มองว่าสิ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยตอนนี้ คือ การท่องเที่ยวที่จะมีชาวต่างชาติมาเที่ยวไทยไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน มีเม็ดเงินผ่านท่องเที่ยวมาในไทย โดยปีนี้ภาคการส่งออกของไทยประสบปัญหาหลายด้าน ทำให้การส่งออกอาจไม่เติบโตจากเดิมที่คาดว่าจะเป็นบวกร้อยละ 3-5 แต่จากผลกระทบสงครามการค้าและความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้การส่งออกของไทยปีนี้อาจติดลบได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดว่าจะช่วยดันเศรษฐกิจไทยเดินต่อได้ คือ รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การเมืองนิ่งและมีเสถียรภาพเร่งเดินหน้าตามกรอบแนวทางต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยเร่งทุกโครงการขนาดใหญ่ที่มีเม็ดเงินลงทุนหลายแสนล้านบาทให้เกิดเป็นรูปธรรมในทางปฎิบัติ และดึงเม็ดเงินจากองค์กรท้องถิ่นที่มีกว่า 100,000 ล้านบาทมากระตุ้นผ่านโครงการต่าง ๆ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้จีดีพีของประเทศโตได้ร้อยละ 4.-สำนักข่าวไทย