หอการค้าฯ ถก กมธ.พาณิชย์ ปลุกเศรษฐกิจไทยปี 68

กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. – หอการค้าฯ ถกกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ชูประเด็นเร่งด่วนสมุดปกขาวปลุกเศรษฐกิจไทยปี 68 เร่งช่วยเหลือ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยละสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ให้การต้อนรับ นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภาและคณะฯ พร้อมทั้งหารือแลกเปลี่ยนความเห็นเชิงประเด็นปัญหาผลกระทบต่อผู้ประกอบการในแต่ละภาคธุรกิจ ตลอดจนข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาเรื่องต่างๆ เพื่อจัดทำรายงานเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาผลักดันไปสู่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคของภาคธุรกิจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ณ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ถนนราชบพิธ กรุงเทพฯ

นายสนั่น กล่าวว่า เป็นโอกาสที่ดีที่หอการค้าฯ ได้ให้การต้อนรับ และหารือกับคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา เนื่องจากเป็นอีกกลไกหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยผลักดันข้อเสนอทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาหอการค้าฯ ได้จัดทำสมุดปกขาว ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อเสนอของภาคเอกชนทั่วประเทศ โดยมีประเด็นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ ,การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs และการวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป้าหมายผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน 6 ประเด็น ได้แก่ การค้าและการลงทุน ,เกษตรและอาหาร ,ท่องเที่ยวและบริการ,การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน,การขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค


โดยได้เสนอในรายละเอียดไปยังรัฐบาลแล้ว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ หอการค้าไทยและกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ได้หารือในประเด็นสำคัญเพิ่มเติม ได้แก่
1) การขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food Coordination and Public Relations Center: AFC) ซึ่งส่วนนี้หอการค้าฯ อยากให้มีการสนับสนุนและประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนศูนย์ฯ ไปยังเกษตรกรทั่วประเทศ
2) กลไกประสานงานและส่งเสริมธุรกิจไทย-จีน อย่างยั่งยืน จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ส่งเสริมการค้า และการลงทุนที่สอดคล้องกับกฎหมาย และข้อบังคับของทั้งสองประเทศ รวมถึงสนับสนุนสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดี และเป็นกลางระหว่างสังคมไทย และจีน
3) แผนการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ทั้งการเร่งพัฒนาแหล่งก๊าซ (Overlapping Claims Area: OCA) ร่วมกับประเทศกัมพูชา การผลักดันนโยบาย alternative energy เช่น ไฮโดรเจน และพลังงานนิวเคลียร์ ที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาด การเร่งพัฒนาตลาดไฟฟ้าสีเขียวเปิดการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนเสรี และเปิดสายส่ง การเร่งให้มีระบบ Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA ผ่านกลไก Third Party Access และศึกษาแนวทางการบริหารจัดการค่า AP (Availability Payment) หรือค่าความพร้อมจ่ายของภาคไฟฟ้าเอกชนในตลาดเสรี
4) การช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยเร่งสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการเพื่อให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ การช่วยเหลือ SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้น นอกจากนี้ หอการค้าฯ ยังได้เสนอให้ขยายความช่วยเหลือครอบคลุมกลุ่มลูกหนี้ SMEs ที่อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มนี้หลุดเป็น NPL ในอนาคต
5) การบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศ (Zero waste to landfill)
โดยหอการค้าฯ ได้เสนอ ผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการคัดแยกขยะ โดยจัดตั้งศูนย์จัดการขยะ (Material Recovery Facility: MRF) ทั่วประเทศสำหรับการจัดการขยะเปียก และแยกขยะแห้งแต่ละชนิดออกจากกัน เพื่อสร้างคุณค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในจุดที่เหมาะสม การจัดสรรเงินลงทุนและกำหนดมาตรการเพื่อสนับสนุนให้เกิดโครงการจัดการขยะที่เหมาะสมเป็นโมเดลต้นแบบ และการจัดทำกฎหมายแม่บท Circular Economy Act ของประเทศไทยให้เสร็จสมบูรณ์ ที่ครอบคลุมการจัดการของเสีย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การรีไซเคิล และการกำหนดสัดส่วนการใช้วัสดุรีไซเคิล (% Recycle Content)
6) Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยสนับสนุนโครงการ Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เป็นแนวทางในการสร้างความตระหนักและการรับรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทุกภาคส่วน ซึ่งหอการค้าไทยได้ริเริ่มแผนงานพัฒนา Platform กลางที่ซื้อขายคาร์บอนเครดิตแบบปลีกย่อย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้มุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจก ภายใต้โครงการ Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Neutrality 4 ALL

ด้านนายวิวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อเสนอต่าง ๆ สอดคล้องกับแนวทางการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ สำหรับแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่วนนี้เห็นด้วยและมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่สำคัญคือการจัดตั้งกองทุนเฉพาะสำหรับการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดมาตรการและกลไกสนับสนุนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ

ขณะเดียวกัน กรรมาธิการฯ ยังได้เห็นด้วยกับแนวทางการพัฒนาในประเด็นต่าง ๆ ที่หอการค้าฯ นำเสนอ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ โดยจะได้เสนอรัฐบาลเพื่อพิจารณาเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ ต่อไป.-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]