กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – เอสเอ็มอีตู้หยอดเหรียญไทยบุกตลาดตู้เติมเงินในเมียนมา รองรับสังคมออนไลน์อาเซียน ตั้งเป้ากระจายตู้เติมเงิน 2 หมื่นตู้ ดันรายได้ 100 ล้านบาทในปีแรก หลังพบว่าด้านสื่อสาร มือถือโตเกินร้อยเปอร์เซ็นต์
นายยงยุทธ วงศ์ธีระสูตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท XIT Service จำกัด กล่าวว่า สังคมออนไลน์ในอาเซียนเติบโตมากขึ้น การใช้เงินสดเริ่มมีความสำคัญน้อยลง ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในเมียนมาสูงถึงร้อยละ 6-7 โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร ทำให้อุปกรณ์มือถือเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตสูงถึงร้อยละ 105 เทียบกับจำนวนประชากรกว่า 54 ล้านคน ขณะที่ปี 2561 การขยายตัวของด้านสื่อสารและมือถือโตร้อยละ 101 พฤติกรรมการใช้มือถือเข้าสู่สังคมออนไลน์ยังคงเน้นการเติมเงินมากกว่าการใช้บริการชำระเป็นรายเดือน ยอดการใช้จ่ายในการใช้บริการเฉลี่ย 150 บาทต่อคนต่อเดือน นับว่ามีแนวโน้มเติบโตสูงเมื่อเทียบกับยอดการใช้บริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของคนไทยที่มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 240 บาทต่อคนต่อเดือน
สำหรับตู้เติมเงิน ” BEE TOP UP ” จึงหวังเข้าไปมีส่วนแบ่งในตู้เติมเงินเมียนมา เพื่อให้บริการเติมเงินมือถือกับผู้ใช้งานทุกเครือข่ายการสื่อสารในเมียนมา อาทิ 2C2P , MPT , MYTEL , OOREDO , TELENOR เป็นต้น รวมถึงการชำระค่าบริการสาธารณูปโภคอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรจาก 2C2P ผู้ให้บริการมือถือและหน่วยงานราชการของเมียนมารองรับการใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงกำหนดเป้าหมายบุกตลาดให้บริการตู้เติมเงินในเมียนมา 20,000-30,000 เครื่อง ภายใน 2-3 ปี ข้างหน้า พร้อมขยายตู้ในรูปแบบแฟรนไชส์ สำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการ เบื้องต้นสนใจลงทุน 4,000 เครื่อง เพื่อติดตั้งในแหล่งชุมชน ตลาด สถานที่ราชการ แหล่งท่องเที่ยว ในจังหวัดหัวเมืองหลัก เช่น เมืองร่างกุ้ง เนปิดอว์ มัณฑะเลย์ คาดว่ายอดเติมเงินเฉลี่ย 1,000 จ๊าดต่อครั้ง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง 1 ปีแรก หลังเปิดยอดใช้บริการจะสูงกว่า 3 ล้านจ๊าดต่อตู้ คิดเป็นยอดเงินที่ใช้บริการไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านจ๊าดต่อปี หรือรายได้จากค่าธรรมเนียมจากบริษัทสื่อสารและหน่วยงานราชการที่ให้บริการรับชำระค่าบริการไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านจ๊าดต่อปี คิดเป็นเงินไทยไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ในปีแรก .- สำนักข่าวไทย