กรุงเทพ ฯ 24 พ.ค. – ก.ล.ต. ยืนยัน การเก็บภาษีจากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมร้อยละ15 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ไม่กระทบธุรกิจกองทุนรวม
นางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายธุรกิจจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวว่าตามที่กรมสรรพากรได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่52) พ.ศ. 2562 เพื่อแก้ไขปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมให้เท่ากับการลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง (tax neutral) โดยดอกเบี้ยที่กองทุนรวมได้รับจากการลงทุนในตราสารหนี้จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 เช่นเดียวกับกรณีที่ผู้ลงทุนลงทุนโดยตรงในตราสารหนี้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้จะไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผลซ้ำซ้อนอีก ในขณะที่ผู้ลงทุนในกองทุนรวมประเภทอื่นจะถูกเรียกเก็บภาษีเงินปันผลที่อัตราร้อยละ 10 เช่นเดิม
ในเรื่องนี้ ก.ล.ต. เห็นว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้เกิดความเป็นกลางทางภาษี (tax neutral) เพื่อความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำระหว่างการลงทุนโดยตรงและการลงทุนโดยอ้อมผ่านกองทุนรวม ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพากรได้มีการหารือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เพื่อให้ บลจ. ต่าง ๆ ได้เตรียมการล่วงหน้า รวมถึงการสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ขายหน่วยลงทุนและผู้ลงทุนแล้ว ดังนั้น จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวมมากนัก และการลงทุนในกองทุนรวมนั้นยังมีจุดเด่นเพราะมีมืออาชีพทำหน้าที่บริหารจัดการ และมีการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้ผู้ลงทุนได้ ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับวันที่ 20 สิงหาคม 2562.-สำนักข่าวไทย