fbpx

นายกฯ เปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก

สระแก้ว 22 เม.ย.-  นายกฯ เปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนร่วมขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษกับสมเด็จฮุน เซน ไปยังสถานีปอยเปต  ย้ำการลงนามความตกลงว่าด้วยการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา  เป็นการแสดงออกถึงความจริงใจและความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ในการสนับสนุนและผลักดันความเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อให้ยั่งยืน 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก   อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว  และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และพิธีส่งมอบรถไฟดีเซลราง  ร่วมกับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จากนั้น นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ได้เดินทางโดยรถไฟขบวนพิเศษ จากสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึกไปยังสถานีปอยเปต 


โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานในพิธีที่สําคัญ ที่สถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก และยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วยว่า ในปี 2562 ประเทศไทยได้รับบทบาทสําคัญในการดำรงตําแหน่งเป็นประธานอาเซียน  และมีแนวคิดหลักในการประชุมอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพ คือ  Advancing Partnership for Sustainability หรือ ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  พิธีวันนี้เป็นการแสดงออกถึงความจริงใจและความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการดําเนินตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่พร้อมจะสนับสนุน และผลักดันความเชื่อมโยงที่ไร้ รอยต่อทางด้านรถไฟให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเห็นได้จากการเปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก เชื่อมระหว่าง อ. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว และ ปอยเปต จ. บันเตียเมียนเจย รวมถึง ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ


“พิธีการลงนามความตกลงว่าด้วยการเดินรถไฟร่วมกัน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา  เพื่อความเชื่อมโยงในการไปมาหาสู่กันของประชาชน เป็นการแบ่งปันและสร้างโอกาสในการเชื่อมต่อการเดินทางด้วยรถไฟให้มากขึ้น และเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ และฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 70 ปี ในปี 2563 เป็นการล่วงหน้า รัฐบาลไทยจึงมีความยินดีที่จะมอบรถดีเซลราง จํานวน 4 คัน ให้รัฐบาลกัมพูชา เพื่อรับไว้ใช้ประโยชน์ในการข้ามแดนไปมาหาสู่กันระหว่างชาวไทย ชาวกัมพูชา รวมถึงชาวต่างชาติ ที่สามารถเดินทางจากสถานีด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ไปยังปอยเปต ผ่านศรีโสภณ พระตะบอง จนถึงกรุงพนมเปญ ได้อย่างสะดวก มากขึ้น .- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย