ร้อยเอ็ด 24 ส.ค.- “พล.อ.ประยุทธ์” กล่าวกับชาวร้อยเอ็ด ไม่คิดสืบทอดอำนาจ ระบุปัญหาคำถามพ่วง เป็นหน้าที่ของกรธ.กับสนช.จะหารือร่วมกัน เตือนอย่าฟังข้อมูลที่บิดเบือน โดยเฉพาะจากกลุ่มที่พูดทางทีวี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกับประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด ว่า วันนี้มาด้วยใจบริสุทธิ์ ตนให้ใจกับทุกคนเสมอมา ทั้งจังหวัดร้อยเอ็ดและทุก ๆ จังหวัด ถือเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องทำงานให้สำเร็จ เพื่ออนาคตของประเทศ ที่ต้องมีการปฏิรูป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับจังหวัดร้อยเอ็ด ไม่ว่าประชาชนในพื้นที่จะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบประชามติก็ตาม การทำประชามติเป็นการเริ่มต้นกระบวนการประชาธิปไตยเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง อย่ากังวลว่าใครจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่ให้ดูว่าคนที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีจะสามารถทำงานได้ดีหรือไม่ และจะทำได้ดีกว่าตนหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระบวนการเป็นเรื่องของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อย่าไปฟังคนที่พูดให้เกิดความสับสน ให้เลือกฟังสิ่งที่ไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และบุคคลที่พูดทางสถานีโทรทัศน์ ต้องระมัดระวังจะกระทำผิด ซึ่งบางกลุ่มตั้งใจดำเนินการ เพื่อต้องการให้จับกุม
“บางคนก็พูดตามช่องทีวี พวกนี้จะติดคุกทุกวันยังไม่เข็ดอีก มีกฎหมายอยู่ แต่ก็ฝืน เขาทำเพื่ออะไร เพื่อต้องการให้มีการจับกุม ต้องการให้ภาพออกไปต่างประเทศ ต้องการให้นักสิทธิมนุษยชนโจมตีเรา ต้องการให้ต่างประเทศมาดูถูกประเทศไทย ในสิ่งที่เขาทำความเสียหายให้กับประเทศไทย จำคำพูดผมไว้นะ หลาย ๆ เรื่องจะปรากฏออกมาเอง ผมไม่ได้รังแกเขา หลายอย่างไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเลย ผมก็เอาเข้า 8-9 คดี เป็นคดีใหญ่ ๆทั้งสิ้น บางคดีเสียหายกับประเทศ มีการปิดบังปกปิดกันมานาน” นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าไปฟังข้อมูลที่บิดเบือน ให้ฟังตน การจะทำให้ประเทศเดินหน้า ต้องดูแลด้านความมั่นคง ซึ่งการจับกุมผู้กระทำความผิดต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ทำตามหลักฐาน ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่เมื่อไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมและเปิดหน้าเล่นกันเช่นนี้ ก็ต้องสู้อย่างเต็มที่
“ขอให้เชื่อใจ ผมไม่คิดที่จะสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่นักการเมือง แต่เข้ามาในฐานะผู้รับใช้ เป็นทหารมาก่อน ซึ่งทหารจะต้องรับใช้ชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน ที่ผ่านมาไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาด้วยโชคชะตา”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการประชุม ว่า ได้ประชุมกับภาคส่วนต่าง ๆ มีการเสนอมา3-4 กลุ่มงาน ทั้งเรื่องคมนาคม การท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลได้เห็นชอบโมเดลร้อยเอ็ด 4.101 มาพิจารณาให้การสนับสนุน บางเรื่องจะดำเนินการให้เร็วขึ้น ส่วนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะการผันแม่น้ำโขง ที่จะใช้ในพื้นที่ภาคอีสานจะต้องลงทุนด้วยงบประมาณสูงถึง 2 ล้านล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการจะต้องทำอย่างถี่ถ้วน จะต้องมีการสร้างอ่างเก็บน้ำ แก้มลิง เพื่อบรรเทาปัญหาในเบื้องต้น ปัญหาของการบริหารจัดการน้ำมีมาอย่างยาวนาน เพราะที่ผ่านมาไม่มีการวางแบบแผน ซึ่งจากนี้จะต้องได้รับการแก้ไข ให้มีแบบแผนและมีประสิทธิภาพมากขึ้นฝากประชาชนในพื้นที่ต้องมีแนวคิดแบบใหม่ พัฒนาการเกษตรที่จะต้องใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วย รวมถึงการปรับเปลี่ยนการปลูกพืช เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาราคาข้าว ที่ต้องทำให้เป็นระบบ ที่ผ่านมาโครงการรับจำนำข้าว สร้างความเสียหาย รัฐเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็น กระทบต่อระบบการขายข้าวในประเทศ ส่งผลต่อพื้นที่การปลูกข้าว เพราะเกษตรกรต้องการให้ได้ข้าว เพื่อเข้าสู่โครงการรับจำนำในปริมาณมาก จนต้องหันมาเพาะปลูกพันธุ์ข้าวระยะสั้น ทำให้คุณภาพด้อยลง มีการปลอมปน และผลกระทบที่ตามมา คือการใช้น้ำในปริมาณที่มาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญทั้งเรื่องของการลงทุนรถไฟความเร็วสูง เรื่องของเกษตรกรอย่างเท่าเทียมกัน เพราะทุกอย่างต้องสอดคล้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน อยากให้ทุกคนมีความหวังแม้อนาคตจะยังมองเห็นไม่ชัดเจนก็ตาม แต่อย่างน้อยในขณะนี้ก็เกิดแนวคิดและแผนงานแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชน นายกรัฐมนตรี ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ กับ 5 จังหวัด รอบพื้นที่ทุ่งกุลา ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร และ มหาสารคาม ในการพัฒนาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมกำหนด 3 เป้าหมาย คือให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาได้รับการรับรอง การขึ้นทะเบียนเครื่องบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เป็นที่รู้จักและยอมรับ
ให้ข้าวหอมมะลิเข้มแข็ง และเกิดการเชื่อมโยงทั้งในระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเขตทุ่งกุลามีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 รวมถึงผลผลิตข้าวหอมมะลิได้รับการรับรอง GI เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 การแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา สัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ของปริมาณข้าวเปลือกในทุ่งกุลา และ เกษตรกรมีต้นทุนในการผลิตข้าวหอมมะลิลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 10
นายกรัฐมนตรี ยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการ สินค้าจากบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีร้อยเอ็ด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด และกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งมีของขึ้นชื่อคือผ้าไหม ข้าวหอมมะลิและปลาร้าแปรรูป โดยนายกรัฐมนตรีได้ทดลองสาวไหมจากฝัก และสอบถามเทคนิคการทำผ้าไหม พร้อมแนะนำให้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยในการทำกระเป๋า ขณะเดียวกันยังได้ชิมถั่วคั่ว ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนายกรัฐมนตรีและคณะ ก่อนจะชิมปลาร้าบองคู่กับข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นอาหารที่นายกรัฐมนตรีชื่นชอบพร้อมสั่งซื้อกลับ กทม.
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ปลาร้าแปรรูป ซึ่งมีทั้งปลาร้าอัดแห้ง ปลาร้าปรุงอาหารและปลาร้าทำส้มตำ รวมถึงลงมือทำแกงอ่อมไก่และตำส้มตำด้วยตนเอง พร้อมนำไปให้คณะรัฐมนตรีที่ติดตามลงพื้นที่ได้ชิม ก่อนจะระบุว่า เป็นแกงอ่อมไก่ที่อร่อยที่สุดในโลก .-สำนักข่าวไทย