นครพนม 19 เม.ย.-ศาลจังหวัดนครพนมสั่งจำคุก 3 โจ๋ รุมวัยรุ่นคู่อริ หน้าห้องฉุกเฉินรพ.นาแก จ.นครพนม เมื่อปี 2561 เป็นเวลา 12 ปี
วันนี้ศาลจังหวัดนครพนม อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.4507/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อ.1625/62 ที่อัยการจังหวัดนครพนม เป็นโจทก์ และมีนายอธิชยนนท์ โชคพัฒนเชษฐ์ กับ น.ส.ชิดชนก ธรรมาบุญ เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง 3 วัยรุ่น คือ นายปฏิพล พรมโสภา นายนลธวัช พลโสภา และนายวันชนะ วระวงศ์ ในข้อหาความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์
โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ จำคุกคนละ 2 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร ปรับคนละ 900 บาท และฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกคนละ 12 ปี รวมจำคุกคนละ 12 ปี 2 เดือน และปรับคนละ 900 บาท ซึ่งทางนำสืบของจำเลยทั้งสาม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 8 ปี 1 เดือน 10 วัน และปรับคนละ 600 บาท ญาติได้ยื่นขอประกันตัว ศาลจึงอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงินคนละ 350,000 บาท
กรณีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มี.ค.2561 เวลาหลังเที่ยงคืน กลุ่มวัยรุ่นในเขตเทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก ยกพวกชกต่อยกัน จนได้รับบาดเจ็บ และต่างฝ่ายต่างไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนาแก แต่ทว่าฝ่ายจำเลยไม่ยอมเลิกรา บุกเข้าทำร้ายคู่อริ โดยใช้มีดไล่ฟัน แพทย์และพยาบาล ต่างตกใจกลัววิ่งหนีกันกระเจิง ก่อนที่ตำรวจมาจะระงับเหตุ
ตำรวจ สภ.นาแก แจ้งข้อหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับคู่อริทั้ง 2 ฝ่าย คือนายอธิชยนนท์ โชคพัฒนเชษฐ์ และนายปฏิพล พรมโสภา ภายหลังมีผู้มามอบตัวเพิ่ม อีก 3 คน คือ น.ส.ชิดชนก ธรรมาบุญ เพื่อนสาวของนายอธิชยนนท์ และฝ่ายเพื่อนของนายปฏิพล คือ นายนลธวัช กับนายวันชนะ ภายหลังการสอบสวน ตำรวจยื่นอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง กลุ่มนายปฏิพล พร้อมพวกอีก 2 คน นายอธิชยนนท์และ น.ส.ชิดชนก จึงขอเป็นโจทก์ร่วม กระทั่งมีคำพิพากษาดังกล่าว โดยจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าทั้งสองฝ่ายเคยมีบาดหมางกันมาก่อน เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันมาแล้วครั้งหนึ่ง จากปัญหาดื่มเหล้าเมาแล้วพูดจาไม่เข้าหู รวมถึงทวงหนี้สินกันไปมา กระทั่งทั้งสองฝ่ายมาเจอกันในร้านเหล้าจึงก่อเหตุทำร้ายร่างกายกัน
ด้าน นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องนี้หวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์และทำให้เกิดความหลาบจำ ต่อไปจะได้ไม่มีวัยรุ่นมาก่อเหตุที่ห้องฉุกเฉินอีก และเมื่อต้นปี จนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็เกิดเหตุวัยรุ่นทะเลาะกับคู่อริแล้วมาตีกัน ที่ห้องฉุกเฉินทั้งที่ รพ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ, รพ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา, รพ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และรพ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รวม แล้ว 4 ครั้ง ซึ่งได้ประสานตำรวจและอัยการให้ดำเนินคดีถึงที่สุด กับกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้เพราะคำว่าห้องฉุกเฉิน ในยามสงครามยังต้องปลอดภัย แต่นี่เข้ามารับการรักษาแต่ยังตีกันสร้างความตกใจให้กับผู้ป่วยและญาติคนอื่น เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉินกดดันอยู่แล้ว แบกความหวังของผู้ป่วยและญาติ เช่นเดียวกันญาติก็ห่วงกังวลคนป่วยพอมีเหตุตีกัน ต้องตกใจเอาตัวรอด ซึ่งไม่ควรเกิดเหตุเช่นนี้ใน รพ.ในห้องฉุกเฉิน.-สำนักข่าวไทย