กทม. 11 เม.ย. – ศาลปกครองพิพากษาห้าม รฟม.ปิดการจราจร ถ.แจ้งวัฒนะ ตั้งแต่บริเวณเชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถึงบริเวณสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ สร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เหตุออกประกาศปิดจราจรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาห้ามการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยบริษัทซิโน – ไทยฯ กระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรในพื้นราบทุกช่องทาง บนถนนแจ้งวัฒนะ ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าหลักสี่ ตั้งแต่บริเวณเชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถึงบริเวณสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ หรือมีการออกประกาศ ข้อบังคับจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และให้ผบช.น.ดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ในคดีที่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลา ลูน่า ผู้ฟ้องคดี ผู้ประกอบกิจการร้าน ลาลูน่า ถ.แจ้งวัฒนะ ยื่นฟ้อง รฟม.และ ผบช.น. ว่า ออกประกาศแจ้งปิดเบี่ยงจราจรพื้นราบทุกช่องทางชั่วคราว บนถนนแจ้งวัฒนะ ฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าหลักสี่ ตั้งแต่บริเวณเชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถึงบริเวณสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ เพื่อดำเนินงานตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ตั้งแต่วันที่ 27มี.ค.-31 ก.ค.2562 ระหว่าง22.00น.-04.00น. โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า สร้างความเดือดร้อนเสียหาย
โดยศาลปกครองให้เหตุผลว่า หนังสือของ ผบช.น. ฉบับลงวันที่ 21มิ.ย.2561 เป็นเพียงหนังสือสั่งการภายในระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าพนักงานตำรวจ เพื่อให้ทราบแผนการใช้ถนนบริเวณพิพาทเพื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู การที่ ผบช.น.ใช้หนังสือสั่งการภายในดังกล่าวเป็นหนังสืออนุญาตให้บริษัทซิโน -ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินการปิดเบี่ยงจราจรเพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยไม่ได้ออกหนังสืออนุญาตแก่ รฟม. หรือบริษัทซิโน – ไทยฯ โดยตรง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาต ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ การสั่งการให้ปิดเบี่ยงจราจรบนถนนตลอดความยาวของการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยปิดเบี่ยงจราจร 1 ช่องทาง ด้านขวาชิดเกาะกลาง ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ในพื้นราบ และปิดเบี่ยงเพิ่มอีก 1ช่องทาง ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกในเวลากลางคืนบนสะพานข้ามแยก ตั้งแต่เวลา 22.00น. – 04.00น. ตั้งแต่วันที่ 27มี.ค.-31 ก.ค.2562 ดังกล่าวเป็นการห้าม รถทุกชนิดวิ่งในช่องทางที่ปิดจราจร อันเป็นการจำกัดเสรีภาพในการเดินทางของประชาชนบนถนน โดยไม่ระบุเหตุจำเป็นที่ต้องปิดจราจรเฉพาะทางตอนใด ในช่วงเวลาใด ให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการก่อสร้างในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้มีผลกระทบต่อการใช้ถนนของประชาชนเท่าที่จำเป็นในแต่ละช่วงเวลา และระยะเวลาที่ขออนุญาตปิดเบี่ยงจราจรเป็นเวลาถึง 2 ปี กับอีก 8 เดือน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขออนุญาต ปิดจราจรเป็นการชั่วคราวตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นการที่ รฟม.ออกประกาศดังกล่าว โดยอ้างถึงการได้รับอนุญาตจาก ผบช.น.จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจึงมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศดังกล่าวและให้ ผบช.น.ไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย