fbpx

โฆษกศาลฯแจงเหตุพ่อเครียดกระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญารัชดาสาหัส

กรุงเทพฯ 27 มี.ค.- โฆษกศาลยุติธรรม แจงเหตุพ่อเครียดกระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญารัชดา บาดเจ็บสาหัส อาจเพราะคาดหวังว่าคดีที่ลูกชายแทงผู้อื่นเสียชีวิตจะได้รับโทษสถานเบาเพราะมองว่าเป็นการป้องกันตัว ยอมรับระบบการป้องกันมีมาตราฐาน


 นายสุริยันห์ หงษ์วิไล  โฆษกศาลยุติธรรม แถลง ยืนยันว่า  องค์คณะผู้พิพากษาคดี จำคุกตลอดชีวิต นายภัทรพงศ์ เครือนาค หรือต้อย  อดีตพนักงานเวรเปล โรงพยาบาลราชวิถี ประจำสถาบันโรคผิวหนัง  จำเลย ในคดีที่ใช้อาวุธมีดแทงฟันผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย  อย่างดีที่สุด ตามพยานหลักฐาน ทั้ง พยานบุคคล  พยานนิติวิทยาศาสตร์ และพยานแวดล้อม  ที่สอดคล้องต้องกัน ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดีไม่ได้มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งหลังฟังคำพิพากษา นายอัครเดช เครือนาค  ผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นพ่อของจำเลย ได้เดินไปกอดลูกชาย และพูดในทำนองเหมือนร่ำลา ก่อนจะตัดสินใจออกไปที่ระเบียงเพื่อกระโดดลงมาด้านล่าง บาดเจ็บสาหัส  และหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้พูดคุยกับทนายความจำเลย ซึ่งเป็นญาติผู้บาดเจ็บ ก็ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ มีการปลอบใจ บิดา และพูดคุยถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีที่สามารถต่อสู้ ได้ถึง 3 ศาล ซึ่งการตัดสินครั้งนี้เป็นเพียงคำตัดสินของศาลชั้นต้น เท่านั้น  ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ฎีกาได้ หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม  แต่อาจจะเป็นเพราะ ความคิดของ คนเป็นพ่อ ที่คิดว่าลูกชายอาจจะถูกลงโทษไม่มาก เนื่องจากเป็นการป้องกันตัว แต่เมื่อคำพิพากษาออกมาว่าจำคุกตลอดชีวิต จึงทำให้เกิดความเครียด  

อย่างไรก็ตาม ศาลยังอยากให้ทุกคนได้ใช้สิทธิ์ตามกระบวนการกฎหมาย และอยากให้เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมว่าจะเป็นทางออกการแก้ปัญหาต่างๆ  ได้ มากกว่าการใช้อารมณ์ คิดสั้น ฆ่าตัวตาย 


สำหรับชั้น 8 จุดที่เกิดเหตุซ้ำนั้น ยืนยันว่า มีระบบป้องกันมาตรฐานอยู่แล้ว ไม่ได้เดินออกไปด้านนอกได้ง่ายๆ เนื่องจากมีกระจกกั้น และเมื่อข้ามกระจก ไปก็จะมีระเบียงกว้าง และมีกำแพงกั้นอีกชั้น แต่ก็เกิดเหตุซ้ำอีก ซึ่งศาลอาญาเองก็รู้สึกเสียใจ และเครียด โดยไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันขึ้นอีก ที่ผ่านมาได้พยายามหาวิธีการป้องกัน ทั้งเรื่องของกำลังที่เข้ามาดูแลความปลอดภัย และเรื่องการปรับปรุงอาคาร  แต่ก็มีข้อจำกัดที่เป็นอาคารเก่า การจะปรับปรุงต้องคำนึงถึงระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบอัคคีภัย ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย