นครศรีธรรมราช 18 มี.ค. – นายกฯ ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช ขอทุกคนจับมือเดินหน้าไปสู่อนาคตด้วยกัน ทำงานจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ การเมืองเป็นเรื่องอนาคต ถ้ามีโอกาสจะทำหน้าที่สานต่อ ยอมรับรู้สึกอึดอัดที่ถูกจับตา แต่จะทำงานต่อจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ พร้อมระบุ มีหัวใจยิ่งใหญ่ 68 ล้านห้อง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช รับฟังแนวทางการดำเนินงาน พบปะและพูดคุยกับนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่มารอต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราลำบากมามากแล้ว จากนี้ต้องการนำพาอนาคตไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ส่วนเรื่องเรื่องปาล์มน้ำมัน รัฐบาลได้เร่งแก้ ไขปัญหา ซึ่งขณะนี้มีต่างชาติ สนใจนำปาล์มจากไทยไปใช้เพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทย ต้องอยู่อย่างสันติ ปรองดอง แบ่งแยกไม่ได้ ขณะที่ปัญหาความยากจน รายได้น้อย สิ่งต่างๆ เป็นปัญหามานาน วันนี้ต้องสร้างหลักคิด วางแนวทางการพัฒนา สร้างความรัก ความสามัคคี โดยเฉพาะภาคใต้ ทั้ง 14 จังหวัด ที่ต้องเชื่องโยงกัน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ โดยต้องเริ่มที่การสร้าง กฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวก ในการลงทุน และต้องสนับสนุน เอสเอ็มอี และกลุ่มสตาร์ทอัพ และการสร้างอนาคตนั้น ต้องไม่ทำลายอัตลักษณ์ที่เรามีอยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ง่ายในการแก้ปัญหา เพราะมีหลากหลายความคิด มีหลายฝ่าย วันนี้ตนเปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัว ดูแลครอบครัว 68 ล้านคน จึงต้องสร้างรากฐานให้มั่นคง ให้ทุกคนมีความสุข ทุกอย่างต้องค่อยๆแก้ไข ด้วยการปฏิรูปแระเทศ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา ไม่ใช่แก้ให้เสร็จได้ในวันนี้ และวันนี้การทำงาน ตนเองก็ทำคนเดียวไม่ได้ เปรียบเสมือนร่างกาย มือซ้ายต้องจับมือขวาและต้องเดินไปด้วยกัน ไปสู่ประชาธิปไตย ซึ่งตนเองไม่ขัดข้อง และเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง แต่ที่กังวล คือจะเดินต่อไปอย่างไรหลังเลือกตั้ง แต่อยากขอให้ทุกคนมีความสมานฉันท์ ปรองดอง และต้องรวมพลังเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้โซเชียลมีเดีย ไม่ใช่เพียงใช้ถ่ายภาพ หรือ เพื่อพูดคุยกันอย่างเดียว ต้องค้นหาข้อมูลต่างๆ ด้วย เช่น เปิดดูผลงานรัฐบาลที่ได้ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงการใช้งบประมาณ การปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งรัฐบาลนี้ได้พัฒนาให้เกิดสิ่งต่างๆมากมาย โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภคและขนส่งคมนาคมต่างๆ ขณะเดียวกันได้ปรับงบประมาณให้แต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้น เพื่อดูแลประชาชน วันนี้มีกฎหมายเพื่อดูแลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเหมาะสม เหมือนกำลังต่อเติมเส้นเลือดของเราตามร่างกาย ทุกอย่างต้องแข็งแรงไปด้วยกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการเมืองตนเองไม่ได้อะไรมาก เป็นเรื่องอนาคต เป็นเรื่องนโยบาย ถ้าได้ทำงานต่อก็ทำ และต้องสานต่อการดูแลประชาชน สิ่งสำคัญ คือ ถ้าทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนก่อนที่ตนจะเข้ามาทำหน้าที่ ถือว่าทุกอย่างจบทั้งหมด จากนี้ทุกคนต้องสร้างความพอใจแบบพอเพียง ให้มีภูมิคุ้มกัน เผื่อแผ่ให้คนอื่น สำหรับวันหน้าถ้ามีโอกาสจะทำให้ ถ้าไม่มีโอกาส ก็ถือว่าพักผ่อน ไม่ได้ทวงบุญคุณกับใคร แต่ตนทำให้แผ่นดิน รัฐบาลต้องทำให้ประชาชน ไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว ยืนยันตนเองไม่เคยขัดแย้งกับใครเลย ขอทุกคนอย่าลืมอดีต ที่เป็นบทเรียนและสิ่งที่ทำวันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ในอนาคต การทำงานจากนี้เป็นระบบสองสภาฯซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี ระบบสภาฯก็ต้องมาจากคน จึงต้องให้โอกาสทำงานไปก่อน
“ผมให้ใจไปหมดแล้ว หัวใจผมเท่ากำปั้น แต่ยิ่งใหญ่ หัวใจของคนปกติมี 4 ห้อง แต่สำหรับผมมีหัวใจ 68 ล้านห้อง ส่วนขณะนี้ถูกจับตา ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน แต่ต้องทำงานต่อ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ และขออย่าเกลียดผมเลย”นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังได้ร้องเพลง “เราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน” พร้อมบอกว่า 5 ปี สำหรับประเทศไทยไม่ถือว่านาน เพราะอย่างไรก็ต้องนาน จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทักทายประชาชน พร้อมบอกว่า 24 มีนาคมนี้ ขอให้เลือกให้ดี และที่มาไม่ได้มาหาเสียง นอกจากนี้ พระสงฆ์ได้มอบ ตาพรานบุญ วัดยางใหญ่ ให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งตลอดการเดินทักทาย ประชาชน ได้มอบดอกกุหลาบ และตะโกน “ลุงตู่ สู้ๆ”โดยนายกฯ บอกให้สู้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ มีชาวบ้านที่เป็นชาวประมง นำปูดำปูทะเล ใส่กระเช้า ห่อกระดาษบางๆ มามอบให้นายกฯ โดย นายกฯ เอามือไปจับ บนกระดาษโดยที่ไม่รู้ว่าเป็น ปู เมื่อชาวบ้านบอกว่าเป็นปู นายกฯก็รีบชักมือออก พร้อมกล่าวแบบตกใจว่า “ปูหรอ เดี๋ยวมันก็หนีบผมสิ” เรียกเสียงหัวเราะจากชาวบ้าน.-สำนักข่าวไทย