กรุงเทพฯ 1 มี.ค.- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาแก๊งงานบวชวัดสิงห์ ยอมรับไม่คาดคิดเหตุบานปลาย ยันไม่ได้ร่วมก่อเหตุเพียงเข้าห้ามปรามพวกรุมทำร้ายคนในโรงเรียน
พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหา หลังวานนี้ศาลอาญาธนบุรีอนุมัติ ออกหมายจับเพิ่มเติม ผู้ต้องหาอีก3 คนในคดีร่วมกันบุกรุกทำร้ายร่างกาย รปภ ครู นักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ขณะกำลังสอบในโรงเรียน
โดยนายพีรพล เอมชาวนา หรือ นะ อายุ 28ปี จับกุมได้เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะหลบไปกบดานอยู่ที่บ้านญาติในอำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ส่วนนายสิทธิชัย จรสุข อายุ 37 ปี เข้ามามอบตัว
ด้านนายสิทธิชัย เปิดใจยอมรับ ว่าก่อนเกิดเหตุขณะร่วมงานบวชได้มีการดื่มสุราจริงแต่ไม่ได้มึนเมา จากนั้นทราบว่าโรงเรียนห้ามใช้เสียง พวกรุ่นน้องจึงต้องการเข้าไปถามถึงสาเหตุที่ห้ามใช้เสียง โดยไม่คิดจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย ตนในฐานะเป็นรุ่นพี่จึงเดินเข้าไปในโรงเรียนเพื่อห้ามปรามรุ่นน้องไม่ให้มีเรื่องทำร้าย รปภ ครูและนักเรียน หลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหนเพราะไม่คิดว่าจะถูกออกหมายจับ แต่เมื่อทราบว่าถูกออกหมายจับจึงเข้ามามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ
พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ กล่าวว่า จากการสอบปากคำทั้ง 2 ยอมรับเพียงว่าเข้าไปในโรงเรียนจริงแต่ไม่ได้ร่วมทำร้ายร่างกาย ซึ่งก็เป็นคำให้การของผู้ต้องหาที่สามารถให้การได้ เบื้องต้นตำรวจแจ้งดำเนินคดีกับทั้ง 2 รวม 6 ข้อหา ด้วยข้อหาเดียวกันกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม 24 คนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจากข้อมูลและการรวบรวมพยานหลักฐานผู้ต้องหาแก๊งงานบวช มีทั้งหมด 27 คน
ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 1คน คือ นายพีรยุทธ ประเสริฐพูล อายุ 24ปี ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งจากนี้ จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการให้เร็วที่สุด พร้อมชี้แจงกรณีการตรวจสารเสพติดจากผู้ต้องหาทั้งหมดหลังกรมราชทัณฑ์ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกส่งไปฝากขัง โดยก่อนหน้านี้ตำรวจตรวจไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะซึ่งเป็นการตรวจแค่เบื้องต้นเท่านั้น ในขณะที่การตรวจของกรมราชทัณฑ์อาจจะมีความละเอียด ที่เกิดจากการแยกสารเสพติด ได้มากกว่า วิธีการตรวจที่แตกต่างกัน ทำให้ผลตรวจต่างกัน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติ นายสิทธิชัย พบ เคยต้องคดี เสพยาเสพติดมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามตำรวจ จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง2คน ไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรีฝากขังในเช้าวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว .-สำนักข่าวไทย