รัฐสภา 20 ก.พ.- สนช. แจ้ง “ดิสทัต โหตระกิตย์” ลาออกจากสนช. เผยจะใช้อาคารรัฐสภาประชุมสนช.ครั้งสุดท้ายสัปดาห์หน้า มี.ค.ย้ายไปประชุมที่ ทีโอที จนกว่าอาคารรัฐสภาใหม่จะเสร็จเรียบร้อย
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กล่าวว่า การประชุม สนช. สัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่จะใช้สถานที่อาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน โดยในเดือนมีนาคม จะไปประชุม ที่สำนักงาน ทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ เป็นการชั่วคราว จนกว่าอาคารรัฐสภาใหม่ ย่านเกียกกาย จะเข้าไปใช้สถานที่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างการประชุม สนช. ประธานในที่ประชุมได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่า สมาชิก สนช. ที่ลาออก ตามที่ประธาน สนช. แจ้งต่อที่ประชุมวันนี้ ได้แก่ นายดิสทัต โหตระกิตย์ ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. เป็นต้นไป ทั้งนี้ไม่ได้แจ้งสาเหตุของการลาออก ทำให้จำนวนสมาชิก สนช.ขณะนี้ เหลืออยู่ 239 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง วาระ 2-3 โดยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ในที่สุดได้ลงมติให้ความเห็นชอบ ด้วยคะแนนเอกฉันท์ เห็นสมควรประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง เป็นกฎหมาย และจะจัดส่งให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ตั้งข้อสังเกตว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวกำหนดไว้เฉพาะวิธีการ หน้าที่และอำนาจ รวมทั้งการได้มาของผังเมืองเพียงเท่านั้น โดยไม่ได้กำหนดเรื่องของคุณภาพของผังไว้
ดังนั้นการวางแผนและจัดทำผังในแต่ละระดับ กรมโยธาธิการและผังเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในฐานะผู้วางและจัดทำผังเมืองจะต้องคำนึงถึงคุณภาพของผังเมืองด้วย เพราะคุณภาพของผังเมืองจะมีผลโดยตรงในทุกระดับ ทั้งประชาชน ชุมชน เมือง รวมไปถึงระดับประเทศ ซึ่งคุณภาพของผังเมือง ที่ควรคำนึงถึง เช่น กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ต้องมีความสัมพันธ์และเอื้อต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างมีความสุข พร้อมทั้งต้องคาดการณ์ถึงจำนวนความหนาแน่นของประชากรในอนาคต เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดขนาดของถนน ปริมาณการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน กรมโยธาธิการและผังเมือง ควรกำหนดจำนวนของจังหวัดในผังในระดับภาคให้มีความชัดเจนว่าผังนโยบายระดับภาคแต่ละภาคประกอบด้วยจังหวัดอะไรบ้าง เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าผังนโยบายระดับภาคแต่ละภาคนั้นประกอบด้วยจังหวัดอะไรบ้าง และตรงตามลักษณะของการแบ่งเขตการปกครองหรือไม่ อีกทั้งควรจะต้องจัดเก็บข้อมูลของผังแต่ละภาคด้วย เช่น ประวัติ จำนวนประชากร อาชีพหลัก ลักษณะภูมิประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การตั้งถิ่นฐาน การคมนาคม รวมไปถึงสภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงผังนโยบายระดับภาคได้.-สำนักข่าวไทย