ส.อ.ท.วอนแบงก์ชาติหยุดขึ้นดอกเบี้ยปีนี้

กรุงเทพฯ 6 ก.พ. – ส.อ.ท.ขอให้แบงก์ชาติหยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตลอดปีนี้ ระบุหากเงินบาทยังแข็งค่ากว่าเมื่อเทียบเงินสกุลอื่นจนทะลุ 30.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ภาคเอกชนจะเข้าขอความช่วยเหลือ 


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตลอดปีนี้ เพราะหากขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทแข็งค่ามากยิ่งขึ้นจะเป็นการซ้ำเติมผู้ส่งออกแข่งขันยาก โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก และหากเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่องทะลุ 30.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินประเทศอื่นยังทรงตัวภาคเอกชนจะหารือกันและขอเข้าพบ ธปท. เพื่อขอความช่วยเหลือต่อไปคาดว่าจะอยู่ในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ต้องการส่งเสริมการค้าชายแดนให้มีการใช้เงินบาทในการทำการค้า ส่วนการค้ากับภูมิภาคอื่น ๆ ต้องการให้ ธปท.เข้ามาช่วยดูแล 

นายสุพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.วันนี้ (6 ก.พ.) มีความเป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าในช่วงครึ่งปีแรก หากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยปี 2562 โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.4 แข็งค่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค เป็นรองเพียงค่าเงินรูเปียะห์อินโดนีเซียที่แข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.7  ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลจากปัจจัยเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่า เพราะขาดแรงหนุน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณถึงโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยที่ลดทอนลง รวมถึงผลจากการเกินดุลการค้าของประเทศไทยและการที่ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ ปัจจัยเหล่านี้จะเสริมให้เงินบาทแข็งค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งภาคเอกชนไม่ต้องการเห็นเงินบาทแข็งค่าอย่างก้าวกระโดดอย่างที่เป็นอย่างในปัจจุบัน 


นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคธนาคารไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกจำเป็นต้องหาความรู้เรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน และอยากให้เข้าร่วมรับฟังในการจัดให้ความรู้ที่ทางสมาคมธนาคารไทยและหน่วยงานภาครัฐร่วมกันจัดขึ้นหลายโอกาส ซึ่งนอกจากได้ความรู้แล้วยังได้รับคูปองช่วยเหลือในการซื้อเครื่องมือบริหารความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย  

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.1 โดยเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ที่ถูกกระทบจากเรื่องส่งออกและการลงทุนภาครัฐ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนยังรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ดีและคาดว่าจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจในปี 2562 ให้ขยายตัวได้ในกรอบประมาณการของ กกร.ที่ร้อยละ 4.0-4.3 

ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกของไทยปี 2562 อาจขยายตัวชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณการ กกร.ที่ร้อยละ 5-7 เทียบกับขยายตัวร้อยละ 6.7 ในปี 2561 


สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจอื่นที่สำคัญ คือ การท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปี 2562 จะเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับปี 2561 ที่ร้อยละ 7.5 ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในตลาดสำคัญ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่น่าจะทยอยเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้นเป็นผลจากความร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในระยะข้างหน้าที่ประชุม กกร. จะติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลการเลือกตั้งทั่วไปและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ความคืบหน้าเรื่องข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ตลอดจนทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เพื่อประเมินผลต่อเศรษฐกิจและธุรกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป       

ส่วนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 กกร.ขอเสนอแนวทางเพิ่มเติม  ดังนี้  การให้ความรู้และคำแนะนำในการปฎิบัติตนเมื่อเข้าพื้นที่เสี่ยงผ่านสื่อทุกชนิด เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เข้าถึงข้อมูลป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 โดยข้อมูลจะต้องออกจากแหล่งข้อมูลของรัฐบาลเพียงแหล่งเดียวเท่านั้น สำหรับมาตรการระยะสั้น ควรขอความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชนในการมีมาตรการป้องกันและบรรเทาฝุ่นที่เหมาะสมในที่ก่อสร้างในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เช่น สเปรย์น้ำ การล้างล้อรถขนวัสดุก่อสร้าง เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น และการทำความสะอาดสถานที่ก่อสร้างเป็นประจำ 

อีกมาตรการระยะสั้น คือ ควรขับเคลื่อนเรื่องการใช้ Biodiesel B20 ในรถบรรทุก โดยมีส่วนต่างราคาที่เหมาะสม เพื่อไม่เป็นภาระการชดเชยที่มากเกินควรสำหรับภาครัฐ มีการผลักดันการใช้ Biodiesel B20 ระยะยาวตามยุทธศาสตร์ปาล์มของประเทศ ผลักดันให้ภาครัฐมีนโยบายให้ใช้รถไฟฟ้า โดยกำหนดให้รถสาธารณะเป็นรถไฟฟ้า ( EV) โดยภาครัฐสนับสนุนการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า  กกร.ต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจัดทำบัญชีเดียว โดยจะมีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับบัญชีเดียวของเอสเอ็มอีในวันที่ 7 มีนาคม 2562 เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าใจเรื่องบัญชีเดียวมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Satellite images show wake of destruction of wildfires burning across California

เปิดปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าแอลเอไหม้ลามหนัก

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูงฝั่งปอยเปต พบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูง 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นพบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา และอาคารดังกล่าวถูกระบุเป็นฐานบัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่นี่จำนวนมาก

Palisades Fire

สหรัฐสั่งอพยพกว่าแสนคนหนีไฟป่า 6 จุดในแคลิฟอร์เนีย

ลอสแอนเจลิส 9 ม.ค.- สหรัฐสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 100,000 คน เนื่องจากจำนวนไฟป่าที่โหมไหม้ในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 จุดแล้ว เพราะกระแสลมแรงเทียบเท่าเฮอริเคนและสภาพอากาศแล้ง เจ้าหน้าที่เผยว่า ในจำนวนไฟป่าทั้ง 6 จุด มีอยู่ 4 จุดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย ไฟป่าจุดแรก คือ พาลิเซดส์ไฟร์ (Palisades Fire) เกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 7 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นใกล้แปซิฟิก พาลิเซดส์ ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทศมณฑล ต้นเพลิงมาจากไฟไหม้พุ่มไม้ที่โหมไหม้จนเกินควบคุมเพราะกระแสลมแรง ต้องอพยพคนอย่างน้อย 30,000 คน ไฟป่าจุดที่ 2 คือ อีตันไฟร์ (Eton Fire) เกิดขึ้นในเย็นวันเดียวกันที่หุบเขาอีตันแคนยอน เผาไหม้พื้นที่ขยายวงกว้างมากพอ ๆ กับไฟป่าจุดแรก ไฟป่าจุดที่ 3 คือ เฮิร์ตส์ไฟร์ (Hurst Fire) เกิดขึ้นกลางดึกวันเดียวกันในย่านซิลมาร์ของนครลอสแอนเจลิส จากนั้นในเช้าวันที่ 8 มกราคมเกิดไฟป่าจุดที่ 4 คือ วูดลีไฟร์ […]

ข่าวแนะนำ

จับนายอำเภอเหนือคลอง เรียกรับเงินผู้รับเหมา แลกจบงาน

ตำรวจแถลงผลปฏิบัติการ “ไม่จ่าย ไม่จบ” จับนายอำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ปกครอง เรียกรับเงินใต้โต๊ะบริษัทรับเหมา 50,000 บาท แลกจบงาน

นายกฯ เผยไม่มีคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุไฟป่าแอลเอ

นายกฯ เผย ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากเหตุไฟป่าที่แอลเอ มีเพียงร้านอาหารไทยที่ได้รับความเสียหาย สั่ง กงสุลเปิดศูนย์ช่วยเหลือคนไทย