กรุงเทพ ฯ 6 ธ.ค. – สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลง อยู่ที่ 95.96 เหตุต่างชาติขายหุ้นไทยและตลาดเกิดใหม่เกือบ 200,000 ล้านบาท ห่วงนโยบาย “ทรัมป์” กระเทือนเศรษฐกิจโลก
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนธันวาคม 2559 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้า คือ เดือนกุมภาพันธ์ 2560 ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.47 อยู่ที่ระดับ 95.69 จากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 104.55 ดัชนีอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 12.5 มาอยู่ที่ระดับ 125 จากระดับ 142.86 นักลงทุนมองว่าห่วงนโยบายภายใต้การบริหารงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะนโยบายกีดกันการค้าต่างประเทศ ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่เกือบ 200,000 ล้านบาท และเงินทุนไหลออกจากไทย 71,200 ล้านบาท ส่วนปัจจัยบวก คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น สำหรับหมวดอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุน คือ หมวดพาณิชย์ และอุตสาหกรรมที่ไม่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 คือ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์
นางวรวรรณ กล่าวว่า เศรษฐกิจปี 2560 คาดว่าขยายตัวร้อยละ 3.2 เท่ากับปีนี้ มาจากการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แนวโน้มการบริโภคในประเทศ และการใช้จ่ายภาคเอกชนดีขึ้น การท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี และการส่งออกที่คาดว่าจะกลับมาขยายตัวร้อยละ 0.4-1.4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 1.50 จากร้อยละ 0.30 ในปีนี้ ตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้น 2 ครั้ง ส่วนดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าทรงตัวที่ร้อยละ 1.50 ตลอดปีหน้า ส่งผลให้จะมีกระแสเงินทุนไหลออกกลับไปลงทุนในสหรัฐ กดดันเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 37.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายปี 2560 จากปีนี้อยู่ที่ 35.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี ( ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 2560 คาดว่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,400-1,600 จุด หรือระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิที่ 16 เท่า เนื่องจากอัตรากำไรของบริษัทจดทะเบียนขยายตัวไม่มากเพียงร้อยละ 8 และไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ มาสนับสนุน ประกอบกับดอกเบี้ยสหรัฐมีแนวโน้มปรับขึ้น ทำให้โอกาสการปรับขึ้นของดัชนีค่อนข้างจำกัด โดยแนะนำหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนภาครัฐและการเติบโตจากนโยบายเศรษฐกิจเป็นกลุ่มที่น่าลงทุน.-สำนักข่าวไทย