กรุงเทพฯ 2 ก.พ.- สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ลดลงทุกพื้นที่ ริมถนนพระราม 2 ฝุ่นลดลงเหลือ 36 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ 5 พื้นที่เกินมาตรฐาน มีทั้ง พระราม 3, ลาดพร้าว, บางพลัด, บางขุนเทียน เกิน 50 มคก./ลบ.ม.
กรมควบคุมมลพิษ รายงานค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประจำวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 พบว่า เกือบทุกพื้นที่ค่าฝุ่นลดลงเหลืออยู่ในเกณฑ์วิกฤตสีส้ม เหลือง โดยพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองสูงสุด อยู่ในเกณฑ์สีส้ม ได้แก่ ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน 60 มคก./ลบ.ม. รองลงมาริมถนนพระราม 3 เขตบางคอแหลม 57 มคก./ลบ.ม., ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตห้วยขวาง 55 มคก./ลบ.ม., ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด 54 มคก./ลบ.ม. และริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 52 มคก./ลบ.ม. ที่เหลืออยู่ในเขตสีเหลือง สำหรับที่เคยอยู่ในค่าฝุ่นละออง PM2.5 สีแดง เช่น ริมทางคู่ขนานพระราม 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร 36 มคก./ลบ.ม. ซึ่งในวันที่ 2 ก.พ. มีการนำเรือบินขนาดเล็กพ่นละอองน้ำในพื้นที่
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ประชุมหารือกำหนดมาตรการเชิงรุกลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม., กรมขนส่งทางบก, สมาคมรถบรรทุก, ขสมก., รถร่วมบริการ, การโยธา กทม., และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ร่วมประชุมเพื่อปัญหา
โดยมาตรการที่จะต้องดำเนินการต่อคือ การตรวจจับรถควันดำ ที่ผ่านมาจับกุมแล้วกว่า 6,537 ราย แต่ยังพบรถควันดำที่หลบเลี่ยงเข้ามา จึงจัดชุดสายตรวจวัดควันดดำเพิ่มอีก 5 ชุด พร้อมเชิญผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีผลกระทบกับการจราจรมาพูดคุย เพื่อขอให้กำกับดูแลเกี่ยวกับการคืนพื้นผิวการจราจรปรับแผนการก่อสร้างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบผิวจราจร กำหนดช่วงเวลาการก่อสร้าง มอบหมาย รอง ผบก.จร.ลงไปควบคุมการปฏิบัติแต่ละ สน.เพื่อประสานกับผู้รับเหมา ส่วนรถ ขสมก. และรถร่วมบริการ ตรวจรถที่มีควันดำไม่ให้ออกมาใช้ทาง, ปรับลดจำนวนรถให้เหมาะสมแต่ละเส้นทาง ผู้ประกอบการที่ต้องใช้รถบรรทุก ต้องไม่ฝ่าฝืนในช่วงเวลาเร่งด่วน, ลดจำนวนรถและจำนวนเที่ยวให้มากที่สุด พร้อมประสานบริษัทในเครือเพื่อใช้รถร่วมกัน , ปรับไปใช้น้ำมันเบนซินเพื่อขนส่งสินค้าแทนน้ำมันดีเซล
สำหรับมาตรการใช้รถวันคู่วันคี่นั้น ต้องมีการพิจารณาร่วมกันหลายหน่วยงาน เพราะกระทบกับหน่วยงานหลายภาคส่วน หากจะมีการนำมามาใช้จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน
ในส่วนของ กทม. มีการปฏิบัติการฉีดพ่นน้ำบนตึกสูง ที่ลานเฮลิคอปเตอร์ อาคารธานีนพรัตน์ ชั้น 37 กรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เพื่อเเก้ปัญหาฝุ่น โดย กทม.ได้ร่วมกับสำนักป้องกันเเละบรรเทาสาธารณภัยติดตั้งเครื่องฉีดพ่นละอองน้ำบริเวณชั้นบนของอาคารกรุงเทพมหานคร 1 และ 2 โดยฉีดพ่นน้ำมาแล้ว 3 วันในทุกๆ ชั่วโมงตลอดทั้งวัน ครั้งละ 15 นาที ใช้น้ำประมาณ 1,000-1,500 ลิตรต่อนาที ระยะความไกลที่น้ำพ่นไปถึงคือประมาณ 50-100 เมตร ซึ่งจะฉีดพ่นน้ำต่อเนื่อง โดยจะประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ซึ่งวันนี้ถือว่าสถานการณ์ฝุ่นดีกว่า 2 วันที่ผ่านมา
ส่วนมาตรการอื่นๆ กทม.ได้ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารตึกสูงทั้งที่เป็นของส่วนราชการเเละเอกชนกว่า 154 แห่ง ติดตั้งเครื่องฉีดพ่นน้ำหรือสปริงเกอร์ เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น โดยสามารถทำได้เลยหรือให้เริ่มทำพร้อมกันในวันที่ 3 ก.พ.นี้ ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารเเละผู้ประกอบการ หยุดการก่อสร้างในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ.นี้ เเละให้ฉีดพ่นละอองน้ำตั้งเเต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป กวดขันผู้รับจ้างหรือไซต์งานก่อสร้างทุกโครงการให้ฉีดพ่นบริเวณพื้นที่ก่อสร้างต่อเนื่องระหว่างที่มีการก่อสร้างทุกๆ ชั่วโมง รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ขอความร่วมมือ รฟม. ชะลอการก่อสร้าง โดยให้ยึดมาตรการนี้ไป 1-2 สัปดาห์จนกว่าจะหามาตรการที่ดีเหมาะสมที่สุด ซึ่งเบื้องต้นหลังผู้รับเหมาก่อสร้างได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งจะใช้มาตรการนี้มากกว่าการจะใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมบังคับหรือลงโทษ
ส่วนปฏิบัติการเครื่องบินเล็กฉีดพ่นละอองน้ำดักจับฝุ่น พีเอ็ม 2.5 เริ่มขึ้นแล้ว โดยบริษัทบางกอกเอวิเอชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด หรือโรงเรียนการบินกรุงเทพ นำเครื่องบินเล็กรุ่นเซสน่า 172 พร้อมน้ำ 100 ลิตร บินขึ้นปฏิบัติการจุดแรกที่เขตบางขุนเทียน ถนนพระราม 2 โดยใช้เครื่องบิน 7 ลำ เริ่มบินอ้อมทางทิศเหนือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนตัดลงไปทางใต้แถวจังหวัดสมุทรสาคร เครื่องบินแต่ละลำคาดว่าใช้เวลาลำละครึ่งชั่วโมงครอบคลุมพื้นที่ 25 ตารางกิโลเมตร และจะปฎิบัติภารกิจห่างกัน 1 ชั่วโมง
อ.รักไทย บูรพ์ภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิศวกรรมนานาชาติมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ระบุว่า ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ก่อนที่จะปฏิบัติการโปรยละอองน้ำจะเริ่มขึ้น ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่หลังจากเครื่องบินเล็กบินโปรยละอองน้ำผ่านไปแล้ว 2 ลำ พบว่าค่าฝุ่นละออง PM2.5 ลดลงเหลือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในค่ามาตรฐานที่เราสามารถ หายใจได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก เชื่อว่าหากใข้วิธีนี้ในพื้นที่บริเวณที่มีปัญหาค่าฝุ่นละอองเข้มข้น อย่างเช่นเขตบางขุนเทียนต่อเนื่อง ฝุ่นละะอองในพื้นที่อื่นจะเกิดการกระจายตัวลดความเข้มข้นในพื้นที่ภาพรวมลงได้ และทำให้เกิดค่าเฉลี่ยตามมาตรฐาน จนกว่าอากาศจะเปิดมีกระแสลมพัดผ่านพื้นที่ให้เกิดการถ่ายเทอากาศ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายหวังให้เกิดในฟ้าคะนองในพื้นที่ ขนาดของเม็ดฝนต้องมีอนุภาคใกล้เคียงกับฝุ่นละอองในอากาศด้วย จึงจะเกิดประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละออง
แม้ว่าช่วงนี้ในกรุงเทพมหานครจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น แต่ในคืนวันเสาร์ที่ 2 ก.พ.นี้ หรือคืนนี้ ต่อเนื่องเช้าอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 02.30 น . – 10.30 น.โดยประมาณ อาจจะเร็วกว่านี้ จะมีการจัดงานแข่งขันวิ่งมาราธอน รายการ “วิ่งผ่าเมือง” 2019 อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบ็งคอก ซึ่งจะมีการปิดการจราจรทั้ง 100% และบางส่วน ตั้งแต่สนามราชมังคลาสถาน หัวหมาก รามคำแหง ไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ราชดำเนิน
– ถนนรามคำแหง ช่วง กกท.
– ถนนรามคำแหง สะพานต่างระดับ
– ถนนพระราม9 แยกคลองตัน
– อุโมงดินแดง (ตี 3 – 7.30)
– อนุสาวรีย์ชัย
– ถนนพระราม 5
– ถนนศรีอยุธยา วัดเบญ,สวนจิตร
– พระบรมรูปทรงม้า
– ถนนราชดำเนินนอก
– สะพานพระราม8
– ถนนบรมราชนนี
– แยก จปร.
– ถนนราขดำเนินนอก
– ถนนราชดำเนินกลาง
– อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
โดยประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางในการปิดจราจรเพิ่มเติมได้ที่ บก.02 โทร. 1197 หรือ จส.100 หรือ สวพ.91
ซึ่งจะมีนักวิ่งเข้าร่วมงานรวม 30,000 คน ขณะที่ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องปัญหาฝุ่น ได้ติดตามผลอากาศ PM 2.5 จากศูนย์บริหารงานวิจัยคุณภาพอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร โดยข้อมูลเมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ วัดที่ รพ.เวชศาสตร์ เขตร้อน ถนนราชวิถี เขตราชวิถี กรุงเทพฯ คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง PM 2.5 = 27.69 UG/M3 ค่า AQI ที่ 31 ซึ่งคุณภาพของอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นมาก และจะมีการแจ้งในเว็บไซต์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงคอก 2019 ตลอดเวลา
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 จากยานพาหนะ สรุปมาตการ เร่งด่วนดังนี้ ห้ามมรถบรรทุกขนาดใหญ่ วิ่งเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นกลางตลอด 24 ชั่วโมงทันที จนถึงมีนาคม ส่วนพื้นที่ชั้นนอกจากวิ่งตามระยะเวลาที่กำหนด และให้เร่งรัดนำน้ำมันเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 มาจำหน่วยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ข้าราชการทำงานที่บ้าน หรือสลับวันในการทำงานที่บ้าน เพื่อลดจำนวนรถยนต์ และขอความร่วมมือบริษัทเอกชนในการดำเนินการเช่นกัน
นายธนวัฒน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังเรื้อรังต่อเนื่องอีก 1-2 เดือน เชื่อว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก อาจคล้ายกับการระบาดของไข้หวัดนกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยไม่เดินทาง หรือหนีไปท่องเที่ยวในต่างประเทศแทน รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจไม่เดินทางมาประเทศไทย มีการยกเลิกเที่ยวบินและที่พัก จนมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท จากที่ตอนนี้มูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 8,000-1 หมื่นล้านบาท เพราะคนยังใช้จ่ายเท่าเดิม มีกิจกรรมนอกบ้านตามปกติ ซึ่งหากรุนแรงขึ้นเชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหารข้างทางจะได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรก
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ สมอ. ระบุจนถึงขณะนึ้ยังไม่มีผู้ประกอบการ หรือผู้ผลิตหน้ากากยี่ห้อใดมายื่นขอ อนุญาตเครื่องหมาย มอก. ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานผลิตผภัณฑ์อุตสาหกรรม หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว เลขที่ มอก.2424-2552 ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไป แต่ไม่ใช่มาตรฐานบังคับ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยังไม่มีใครเข้ามายื่น เท่ากับว่าหน้ากากอนามัยในขณะนี้ในท้องตลาดยังไม่มีเครื่องหมาย มอก.หากมีผู้ประกอบการรายใดแอบอ้างมาตรฐาน มอก.ก็จะมีความผิดทางกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย