กรมประมงมั่นใจ หลังปลดใบเหลือง IUU

กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – อธิบดีกรมประมงระบุ หลังสหภาพยุโรปปลดใบเหลือง IUU จะส่งผลดีต่อการส่งออกสัตว์น้ำของไทย ที่จะได้รับความน่าเชื่อถือจากประเทศผู้รับซื้อมากขึ้น และจะยังคงรักษามาตรฐานการควบคุมดูแลการประมงให้เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสมเพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลของไทยมีความยั่งยืน


นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่สหภาพยุโรปได้ปลดใบเหลืองให้ไทย ซึ่งการให้ใบเหลืองนั้นเป็นการเตือนว่า ไทยเป็นประเทศที่จะต้องแก้ไขให้การประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และขาดการควบคุม (IUU Fishing) ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนทำให้สหภาพยุโรปให้ใบเขียว ซึ่งหมายถึง เป็นประเทศที่แก้ไขปัญหา IUU แล้ว ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังคือ การทำให้เกิดการทำประมงอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลเพื่อให้สัตว์น้ำสำหรับบริโภคในประเทศและส่งออกกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนในอดีต

อธิบดีกรมประมง กล่าวต่อว่า จากนี้ไปยังคงต้องดูแลเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องไม่ให้มีปัญหาการทำประมงที่มากเกินกว่าจำนวนสัตว์น้ำที่มีการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย โดยกรมประมงจะหาเครื่องมือประมงอื่นมาทดแทน ทั้งนี้มั่นใจว่า จะส่งผลดีด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยประมงพื้นบ้านจะจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น ส่วนอุตสาหกรรมประมงจะสามารถส่งออกได้มากขึ้น เนื่องจากการปลดใบเหลือง IUU สร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศที่เคยนำเข้าสัตว์น้ำจากไทย แนวโน้มที่ประเทศอื่นจะอนุญาตให้เรือประมงไทยไปทำประมงในน่านน้ำของประเทศนั้นๆ จะมากขึ้น ล่าสุดปาปัวนิวกินีและพม่าได้ติดต่อมา และอย่ะระหว่างเจรจากัน


 ในส่วนมาตรการควบคุมการประมงที่ ชาวประมงบางส่วนร้องเรียนว่า เข้มงวดเกินไปนั้น กรมประมงได้ผ่อนผันให้ตามความเหมาะสมได้แก่ การแจ้งเรือเข้าและออกจากท่าเรือ เดิมนั้นต้องใช้เอกสารจำนวนมาก ได้นำระบบอิเล็คทรอนิคส์มาใช้ ทำให้สะดวกขึ้น ส่วนวันที่ออกทำประมง ทางกรมประมงได้เพิ่มจำนวนวันให้ ตามที่ทรัพยากรธรรมชาติฟื้นตัวขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา เรือประมงพาณิชย์สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นถึง 200,000 ตัน

ซ้อน ท. อดิศร พร้อมเทพ —-เสียง—-  02 26 44 24 – 02 27 10 17

อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมถึงการสำรวจและขึ้นทะเบียนเรือประมงชายฝั่ง ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส โดยเบื้องต้นมีข้อมูลว่า มีประมาณ 27,000 ลำ ซึ่งกำลังเร่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ นอกจากนี้ยังจะจัดทำกองทุนพัฒนาการประมงเพื่อสนับสนุนการทำประมงที่ยั่งยืน มีงบประมาณในการชดเชย เยียวยา เรือประมงทุกประเภทที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องต่างๆ ซึ่งจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนมกราคมนี้ จากนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะนำเสนอครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ส่วนโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบนั้น จะมีความชัดเจนภายในเดือนนี้เช่นกัน โดยจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองอีกครั้งในสัปดาห์หน้า . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง