วอชิงตัน 11 ม.ค.- สหภาพพนักงานด้านการบินเตือนว่า การปิดที่ทำการรัฐบาลกลางหรือชัตดาวน์บางส่วนที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม อาจส่งผลร้ายแรงต่อความปลอดภัยการบิน และเรียกร้องให้หาทางยุติเรื่องนี้โดยทันที
การชัตดาวน์ทำให้พนักงานภาครัฐ 800,000 คน รวมทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิที่ดูแลความปลอดภัยการบินและการตรวจตราคนตามท่าอากาศยานได้รับผลกระทบ เพราะพนักงานส่วนที่ไม่จำเป็นจำต้องลางานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่พนักงานส่วนที่จำเป็นต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเช่นกัน
สมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ชุมนุมประท้วงในกรุงวอชิงตันพร้อมกับสหภาพพนักงานด้านการบินอื่น ๆ มีหนังสือถึงรัฐสภาเมื่อวานนี้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัย เสถียรภาพ และความกังวลทางเศรษฐกิจ ขอเรียกร้องให้บริการต่าง ๆ กลับมาตามปกติ เพราะพนักงานและประชาชนกำลังเดินทางภายใต้ระบบที่มีความปลอดภัยและเสถียรภาพน้อยลงเรื่อย ๆ ตราบที่การชัตดาวน์ยังดำเนินต่อไป ทุกคนล้วนรู้ซึ้งว่า เศรษฐกิจจะยากลำบากหากความปลอดภัยเกิดช่องโหว่และผู้ที่มองสหรัฐและชาวอเมริกันเป็นศัตรูใช้ทุกวิถีทางเพื่อก่ออันตราย ซึ่งหมายถึงเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 สมาคมซึ่งมีสมาชิกราว 50,000 คนเตือนว่า อุตสาหกรรมการบินครองสัดส่วนเศรษฐกิจสหรัฐกว่าร้อยละ 5 จ้างงานคน 11 ล้านคน หากการชัดดาวน์ยังยืดเยื้อต่อไป อุตสาหกรรมนี้ก็จะเริ่มเสื่อมลง
ด้านสมาคมผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศแห่งชาติประณามการชัตดาวน์ว่า ทำให้ชีวิตของสมาชิก 20,000 คนย่ำแย่ลงอีก ก่อนหน้านี้พนักงานตามท่าอากาศยานใหญ่ ๆ ที่มีผู้โดยสารหนาแน่นต้องทำงานกันสัปดาห์ละ 6 วัน วันละ 10 ชั่วโมงอยู่แล้ว การชัตดาวน์ทำให้มีพนักงานทำงานน้อยลง ขณะที่สำนักงานความปลอดภัยคมนาคม (ทีเอสเอ) พยายามให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า แม้พนักงานทีเอสเอลาป่วยเพิ่มขึ้น แต่ผู้โดยสารเกือบทั้งหมดใช้เวลารอเจ้าหน้าที่ตรวจตราไม่เกินคนละ 30 นาที ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กว่า 51,000 คนยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติตามหน้าที่อยู่.- สำนักข่าวไทย