กรุงเทพฯ 26 ธ.ค. – หลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET และ mai รวม 534 แห่ง รายงานมูลค่าเงินปันผลปี 2561 มูลค่ารวม 519,546 ล้านบาท โดยมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 3.31
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปี 2561 มีหลักทรัพย์จดทะเบียนจ่ายเงินปันผลรวม 534 บริษัท มูลค่ารวม 519,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.78 จากปีก่อน โดยมูลค่าเงินปันผลมาจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในกลุ่มทรัพยากรคิดเป็นร้อยละ 28 ของทั้งหมด
ทั้งนี้ หลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมดมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เฉลี่ยร้อยละ 3.31 โดย บจ.ของ SET และ mai มีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 3.13 และร้อยละ 2.66 ตามลำดับ ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Property fund & REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure fund) มีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 6.44 และร้อยละ 7.72 ตามลำดับ (ไม่รวมเงินคืนทุน) (ข้อมูล ณ 12 ธ.ค. 2561)
“ปี 2561 หลักทรัพย์จดทะเบียนของไทยรายงานมูลค่าเงินจ่ายปันผลกว่า 500,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากผลประกอบการปรับดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยมีอัตราผลตอบแทนที่จูงใจโดยเฉพาะกลุ่มหลักทรัพย์ประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งจากการลงทุนในหลักทรัพย์โดยตรงและการลงทุนผ่านกองทุนรวม” นายแมนพงศ์ กล่าว
สำหรับ บจ.ใน SET ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มีมูลค่ารวมกัน 139,616 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 ของมูลค่าเงินปันผลทั้งหมดใน SET ทั้งนี้ ในจำนวน บจ. mai ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 10 อันดับแรก บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) จ่ายเงินปันผลสูงสุด ขณะที่ บมจ. เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) หรือ SWC มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด.-สำนักข่าวไทย