วอชิงตัน 15 เม.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐหวังที่จะเก็บภาษีศุลกากรเวชภัณฑ์ ในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดสอบสวนสินค้านำเข้าจำพวกเซมิคอนดัคเตอร์และเวชภัณฑ์ว่าเข้าข่ายกระทบความมั่นคงแห่งชาติที่ต้องเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้หรือไม่
นายทรัมป์แถลงที่ห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว ระหว่างให้การต้อนรับและหารือกับประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ของเอล ซัลวาดอร์ ผู้มาเยือน เมื่อวานนี้ว่า เขาคาดหวังที่จะบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับเวชภัณฑ์นำเข้า ในอนาคตอันใกล้ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์ กำลังเปิดสอบสวนที่อาจนำไปสู่การขึ้นภาษีศุลกากรในสินค้านำเข้ากลุ่มสารกึ่งตัวนำ หรือ เซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งก็คือพวกวงจรรวม (ชิปคอมพิวเตอร์)กับเวชภัณฑ์ หากพบว่าเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ปัจจุบันกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์และเวชภัณฑ์ ถูกยกเว้นจากภาษีศุลกากรพื้นฐานร้อยละ10 ที่สหรัฐประกาศเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน ก่อนมีการเว้นช่วงบังคับใช้นาน 90 วัน โดยหลายประเทศอย่างอังกฤษ สหรัฐ ยุโรปและจีน พึ่งพาเซมิคอนดัคเตอร์จากไต้หวัน บริษัทผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ไต้หวัน หรือ ทีเอสเอ็มซี เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ป้อนอุปทานตลาดโลกกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งรวมทั้งส่งให้ เอเอ็มดี แอปเปิล เออาร์เอม บรอดคอม มาร์เวลล์ มีเดีย เทก และ เอ็นวีเดีย
การสอบสวนมีขึ้นขณะมีการปรับเปลี่ยนไปมาแทบจะรายวันของ นโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายทรัมป์ประกาศเว้นช่วงบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน เพื่อให้เวลาแต่ละประเทศมาเจรจาทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ แต่ขยายเก็บภาษีสินค้านำเข้าของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 145 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่จีนตอบโต้คืนด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ 125 เปอร์เซ็นต์ และ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ นายทรัมป์ได้ยกเว้นภาษีศุลกากรตอบโต้กับสินค้านำเข้ากลุ่มมือถือสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แทปเล็ตและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน แต่ต่อมากลับออกมาประกาศว่าจะพิจารณาเก็บภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มนี้ โดยจะแยกไปอยู่ในหมวดภาษีอื่นต่างหาก.-820.-สำนักข่าวไทย