เตรียมปล่อยม้าน้ำคืนสู่ธรรมชาติ ครั้งแรก 17 ก.ย.นี้

กรมอุทยานฯ 7 ก.ย.-กรมอุทยานฯ ร่วมกับกรมประมง เตรียมปล่อยม้าน้ำคืนสู่ธรรมชาติครั้งแรก เป็นม้าน้ำดำที่ไซเตสจัดอยู่ในระดับน่าห่วงใยอย่างเร่งด่วน จำนวน 100 ตัว เชิญนานาชาติร่วมเห็นเจตนารมณ์ของไทย


 

นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ประจำประเทศไทย แถลงว่า ประเทศไทยจากความร่วมมือของกรมประมงและกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ในการฟื้นฟูประชากรม้าน้ำ ในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ มีความก้าวหน้าน่าพอใจ  โดยกรมประมงสามารถเพาะพันธุ์ม้าน้ำ3 ชนิดที่ไซเตส จัดให้อยู่ระดับน่าห่วงใยอย่างเร่งด่วน คือ ม้าน้ำดำ ม้าน้ำยักษ์ และม้าน้ำหนาม โดยเตรียมปล่อยคือสู่ธรรมชาติ นำร่องรอบแรกในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง จำนวน 100 ตัวในวันที่ 17 กันยายนนี้


ทั้งนี้ จะเชิญรัฐมนตรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆรวมทั้งคณะอนุกรรมการไซเตสร่วม เพื่อให้เห็นถึงเจตนารมย์ของประเทศไทยในการฟื้นฟูมาน้ำในแหล่งธรรมชาติอย่างจริงจัง

 

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ได้เลือกพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง และเกาะช้าง จ.ตราดเป็นพื้นที่นำร่องในการฟื้นฟูและปล่อยประชากรม้าน้ำคืนสู่ธรรมชาติ เนื่องจากมีแหล่งหญ้าทะเลที่อุดมสมบูรณ์โดยให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เตรียมอุปกรณ์ กรงไก่ขนาด 1 เมตรเป็นที่อยู่อาศัยของม้าน้ำในระยะแรก จนกว่าม้าน้ำจะเกาะเกี่ยวหญ้าทะเลและอยู่ได้ด้วยตัวเอง  พร้อมเตรียมทำเรื่องเสนอให้ม้าน้ำทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นสัตว์คุ้มครองต่อไป


 

ด้านนางอุมาพร พิมลบุตร รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่ากรมประมงยังคงห้ามส่งออกม้าน้ำทั้ง 3 ชนิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2559 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ความต้องการของม้าน้ำที่ชาวประมงจะจับส่งออกลดน้อยลง ขณะเดียวกันกำลังเร่งวิจัยและเพาะขยายพันธุ์ ให้ได้จำนวนมากที่สุด โดยตั้งเป้าปีละ 100,000 ตัว โดยปัญหาอุปสรรคคือต้องอาศัยพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติซึ่งค่อนข้างหายาก  โดยเมื่อพ่อพันธุ์ได้แล้วจะเร่งปล่อยคืนสู่ธรรมชาติทันทีมั่นใจว่ามีอัตรารอดสูง

 

ทั้งนี้ ม้าน้ำ มีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะในแถบเอเชียซึ่งมีความเชื่อว่ามีคุณสมบัติทางยาจึงนำมาใช้เป็นองค์ประกอบของยาในการรักษาโรคต่างๆและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้แนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นจนเกรงว่าอาจสูญพันธุ์ได้ จนทำให้ไซตสต้องควบคุมและจำกัดปริมาณการค้า

 

ในส่วนของประเทศไทย ข้อมูลของกรมประมงพบว่า มีการส่งออกมาน้ำตั้งแต่ปี 2556 จำนวน 1.2 ตัน ,ปี 2557 จำนวน 1 ตันและปี 2558 ลดลงเหลือ 9500 กิโลกรัม และได้ประกาศให้งดออกใบอนุญาตส่งออกม้านำเป็นการชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกม้าน้ำของประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น