กรุงเทพฯ 8 ก.ย.-นอกจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็กแล้ว ยังพบกลุ่มทุนจีนทำธุรกิจฉ้อฉลในอีกหลายรูปแบบ เช่น การสวมบัตรประชาชนไทย และการใช้นอมินีคนไทยจัดตั้งบริษัท ซึ่งภาครัฐกำลังกวาดล้างและหาแนวทางป้องกันแก้ไข ไม่ให้ระบบการท่องเที่ยวไทยถูกทำลาย ติดตามจากรายงานพิเศษ “ทุนจีน รุก กินรวบ ธุรกิจไทยกระเทือน” ตอนสุดท้าย
กลางเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่รวบ 2 ชาวจีนสวมบัตรประชาชนคนไทย และถือต่อเนื่องมา 20 ปี เปิดบริษัททัวร์จีน 18 แห่งในภูเก็ต ก่อนถูกเพิกถอนใบอนุญาต ถูกอายัดทรัพย์นับพันล้านบาท
ต้นเดือนสิงหาคม ขยายผลเข้าจับกุมและอายัดทรัพย์บริษัททัวร์จีนอีก 2 แห่งในกรุงเทพฯ คือ ฝูอัน และซินหยวน ฐานอั้งยี่ สวมบัตรคนไทยจัดตั้งบริษัท เข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ล่าสุด เชื่อมโยงมายังบริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต ย่านลาดกระบัง เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญใหญ่ที่สุดในไทย จับกุมสองกรรมการบริษัท ตรวจสอบเส้นทางการเงินก่อนมาตรการยึดทรัพย์
แม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ยอดนักท่องเที่ยวจีนจะโตขึ้นเกือบ 1000% แต่กลับมียอดค่าใช้จ่ายต่อหัวค่อนข้างต่ำ จากระบบทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็ก รายได้จากการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับเครือข่ายบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้กระจายรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างแท้จริง
ภาครัฐกำลังหาทางป้องกันแก้ไข ไม่ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ถูกกลุ่มทุนจีนตักตวงประโยชน์จนเสียกลไกตลาด เช่น การตรวจสอบบริษัทนอมินี การทำลายวงจรทัวร์ศูนย์เหรียญ ทัวร์คิกแบ็ก แต่หลายเรื่องก็ตรวจสอบยาก เช่น การเข้าพักในโรงแรมเถื่อน หรืออพาร์ตเมนต์ในเครือข่ายราคาถูกแทนการพักโรงแรม เพราะที่พักเหล่านี้มักรับเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่ตกลงกันไว้ การตรวจค้นต้องมีหมายศาล คาดว่าตอนนี้มีโรงแรมเถื่อนไม่ต่ำกว่า 10,000 แห่ง นอกจากปัญหาความมั่นคงแล้ว ยังทำให้รัฐสูญเสียรายได้
ชาวจีนหลังเปิดประเทศนิยมมาเที่ยวไทย เพราะชื่นชอบวัด วัง เกาะ หาดทราย ชายทะเล และค่าใช้จ่ายถูก นอกจากกรุ๊ปทัวร์ร้อยละ 70 ที่มักมากับทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็ก ซึ่งเอาเปรียบธุรกิจท่องเที่ยวไทย อีกร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาด้วยตัวเอง วางแผนการท่องเที่ยว จองโรงแรมที่พักเอง กลุ่มนี้ทำรายได้ให้ไทยอย่างเต็มที่
ปัญหาทุนจีน รุก กินรวบ กระทบธุรกิจไทย กำลังถูกจัดระเบียบเพื่อสร้างความยั่งยืนให้รายได้การท่องเที่ยวไทยในระยะยาว เน้นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และทำธุรกิจต่อกันอย่างไม่เห็นแก่ตัว.-สำนักข่าวไทย