กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – ก.เกษตรฯ เดินหน้ารักษาเสถียรภาพยางพารา เน้นการใช้งานในประเทศและลดพื้นที่ปลูกลงร้อยละ 30
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เร่งส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ จากกำลังการผลิต 4.5 ล้านตันต่อปี ใช้ในประเทศเพียง 600,000 ตัน หรือประมาณร้อยละ 14.2 เท่านั้น ซึ่งการที่ผลผลิตส่วนใหญ่ถูกนำไปส่งออกมากถึงร้อยละ 86 ทำให้ตลาดมีอำนาจเป็นผู้กำหนดราคา เนื่องจากการซื้อขายเป็นแบบซื้อขายล่วงหน้าจะส่งมอบยางพาราตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับมาเลเซีย ซึ่งใช้ยางพาราในประเทศร้อยละ 35 และส่งออกร้อยละ 65 ทำให้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำของมาเลเซียไม่รุนแรงเท่ากับไทย โดยราคายางแผ่นดิบตอนนี้กิโลกรัมละ 40 บาท ต้นทุนอยู่ที่ 63 บาท ซึ่งธนาคารโลกเคยวิเคราะห์ไว้ว่าใน 5 ปีข้างหน้าราคายางพาราจะไม่เกิน 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 66 บาท อีกทั้งขณะนี้สงครามการค้ามีผลกระทบโดยตรงต่อราคายาง เพราะอุตสาหกรรมที่ใช้ยางพารามาก ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ เมื่อเศรษฐกิจโลกไม่ดีกำลังซื้อรถยนต์ต่ำลงส่งผลให้ความต้องการยางพาราในตลาดโลกลดลงมาก
นายกฤษฎา กล่าวว่า ขณะนี้มาเลเซียผู้ผลิตยางพารารายใหญ่เริ่มลดพื้นที่เพาะปลูกลง ซึ่งมีงานวิจัยของ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่าปัจจุบันราคายางลดลงถึงร้อยละ 72จากปี 2554 ไทยยังขยายพื้นที่เพาะปลูกมาก โดยพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.และมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง 14 ล้านไร่ ส่วนที่แจ้งการปลูก แต่เป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์มากถึง 4 ล้านไร่ มาเลเซียลดพื้นที่เพาะปลูกลงแล้ว ทั้งนี้ ไทยจะต้องทำทั้งลดพื้นที่ปลูกอย่างน้อยร้อยละ 30 ซึ่งจะทำให้ปริมาณความต้องการใช้ในประเทศสมดุลกับการผลิตมากขึ้นช่วยยกระดับราคาขึ้นได้ รวมทั้งพัฒนาสายพันธุ์ยางพาราเพื่อให้ผลผลิตต่อไร่มากขึ้น
นายกฤษฎา กล่าวว่า เมื่อลดพื้นที่ปลูกแล้วต้องสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศควบคู่ไปด้วย ขณะเดียวกันจำเป็นต้องส่งเสริมการรวมตัวของเกษตรกรในการปลูกยางพารา เพื่อให้สามารถลดต้นทุนการผลิตได้และมีกำลังต่อรองราคาขาย นอกจากนี้ ยังควรมีการรวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับยางพาราทั้งระบบเพื่อให้วิเคราะห์สถานการณ์และแนวทางปฏิบัติได้ รวมทั้งส่งเสริมให้นำผลงานวิจัยต่าง ๆ ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ ต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น โดยจะเริ่มจากหน่วยงานภาครัฐแล้วเร่งขยายไปในภาคเอกชน.-สำนักข่าวไทย