นายกฯ เดินทางถึงปาปัวนิวกินี ร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก

ปาปัวนิวกินี 17 พ.ย.-นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงรัฐเอกราชปาปัวนิวกินี เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 26 โดยไทยจะผลักดัน 5 ประเด็น ต่อยอดจากการประชุมปีที่ผ่านมา


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และคณะ เดินทางถึงกรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 26 (26th APEC Economic Leaders’ Meeting) ระหว่างวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้

ปีนี้ปาปัวนิวกินี ในฐานะเจ้าภาพ ได้กำหนดหัวข้อหลักการประชุม คือ การสร้างโอกาสอย่างครอบคลุมเพื่อเปิดรับอนาคตทางดิจิทัล (Harnessing Inclusive Opportunities, Embracing the Digital Future) โดยเน้นประเด็นสำคัญ 3 ประการคือ 1.การพัฒนาความเชื่อมโยงและส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค 2.การส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน และ 3.การเสริมสร้างการเจริญเติบโตอย่างครอบคลุมผ่านการปฏิรูปโครงสร้าง


โดยไทยจะผลักดันประเด็นต่อเนื่องจากการประชุมเอเปกในปีที่ผ่านมา 5 ประเด็น ได้แก่ 1.เศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ 2.ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอด APEC Strategy for Green, Sustainable and Innovative MSMEs ที่ไทยเป็นผู้ผลักดัน 3.ความเชื่อมโยง โดยเน้นความสอดคล้องระหว่าง ACMECS อาเซียน และเอเปก 4.การค้าพหุภาคี โดยเน้นย้ำท่าทีสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและกฎเกณฑ์ภายใต้ WTO และ 5.วิสัยทัศน์เอเปก หลังปี 2563 โดยเสนอให้เอเปกรักษาความสมดุลระหว่างประเด็นด้านการเปิดการค้าการลงทุนควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม

นอกจากนี้ไทยจะยกตัวอย่างการดำเนินการของไทยที่สอดคล้องกับวาระของเอเปก เช่น การส่งเสริมความเชื่อมโยงทางดิจิทัล และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนด้วยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการต่างๆ เป็นต้น

สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในเวลา 13.00 น. จะร่วมประชุมรับฟังการบรรยายสรุปการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี จากนั้นในเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่ศูนย์ประชุมเอเปกเฮาส์ เข้าร่วมหารือประชุมเต็มคณะระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก กับผู้แทนสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก (ABAC) และหารือกลุ่มย่อยร่วมกับผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก และผู้นำกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก (Pacific Islands Countries) และในช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีและภริยา จะร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายปีเตอร์ โอนีล นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี และภริยา เป็นเจ้าภาพเลี้ยงต้อนรับ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและคู่สมรส ที่โรงแรมฮิลตัน พอร์ตมอร์สบี .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง