กรุงเทพฯ 13 พ.ย.- ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพลูกเสือรัฐสภาโลก ครั้งที่ 9 หวังความร่วมมือจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและโลกให้ยั่งยืน
โรงแรมดุสิตธานี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพลูกเสือรัฐสภาโลก ครั้งที่ 9 โดยนายพรเพชรได้เปิดกรวยดอกไม้ ถวายบังคม และ นำกล่าวคำถวายราชสดุดีเบื้องหน้าพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายพรเพชร กล่าวเปิดการประชุม ว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นสมาชิกรัฐสภา ตัวแทนคณะลูกเสือแห่งชาติ และเยาวชนจากทั่วโลกที่มารวมตัวกันในวันนี้ เพื่อร่วมแบ่งปัน มุมมอง ข้อคิด และประสบการณ์รวมถึงรับมือกับความท้าทายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่เสียงของเยาวชนจะมีผู้รับฟัง แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสลับซับซ้อนมากมายที่ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านบวกและลบต่อประชาชนทั่วโลก ทั้งนี้การจะรับมือกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นต้องการความร่วมมือทั้งในระดับโลกและในระดับท้องถิ่น ซึ่งได้มีการคาดหวังว่า วาระแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี 2030 จะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและโลก
ทั้งนี้จากรายงานเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2561 ได้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในหลายอย่าง แต่หลังการประกาศใช้วาระการพัฒนาดังกล่าวแล้ว 3 ปี ยังพบว่ามีช่องว่างของความคืบหน้าเหล่านั้นในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อนี้อยู่ การประสานงานร่วมกันทุกภาคส่วนในทุกระดับ ทั้งรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรเยาวชนต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในการเดินหน้าสู่ความสำเร็จของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนนี้
“หนึ่งในสามของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นมุ่งเน้นไปที่บทบาทของเยาวชน ซึ่งบทบาทของเยาวชนและองค์กรเยาวชนทั้งหลายได้รับการยอมรับว่าเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา จึงเห็นความสำคัญของกิจการลูกเสือในฐานะที่เป็นการศึกษาแบบนอกระบบที่มุ่งส่งเสริมเยาวชนทั้งทางร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ รวมถึงสร้างความพร้อมด้วยทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตเพื่อการเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้และมีความรับผิดชอบ ผู้ซึ่งจะนำความเปลี่ยนแปลงที่ดีสู่โลกที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้และวันหน้า”นายพรเพชร กล่าว
นายพรเพชร กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ รัฐสภามีบทบาทสำคัญในการเอื้ออำนวยให้เกิดการสร้างศักยภาพของเยาวชน รวมถึงการให้ความสะดวกแก่การพัฒนากิจการลูกเสือผ่านหน้าที่และกระบวนการทางนิติบัญญัติ อันหมายรวมถึง การตรากฎหมาย การจัดทำงบประมาณ และการตรวจสอบนโยบายและการปฏิบัติตามนโยบายของฝ่ายบริหาร
อย่างไรก็ตามรัฐสภาไทยได้จัดตั้งชมรมลูกเสือรัฐสภาไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เพื่อส่งเสริมกิจการลูกเสือในหมู่สมาชิกรัฐสภา พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านนิติบัญญัติแก่กิจกรรมลูกเสือด้วย ปัจจุบันนี้ สนช.ของไทยได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเยาวชนด้วยการลูกเสือและได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนในหลายประการ อาทิ การจัดการฝึกอบรมหลักสูตรบุคลากรทางการลูกเสือระดับผู้นำขั้นความรู้สูงสำหรับรัฐสภา และโครงการผู้นำนักประชาธิปไตยและโครงการอบรมเยาวชนผ่านกระบวนการลูกเสืออีกกว่า 15 โครงการ นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในปี 2565 โดยสาธารณรัฐเกาหลี จะเป็นเจ้าภาพผู้จัดการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพลูกเสือรัฐสภาโลก ครั้งที่ 10 .-สำนักข่าวไทย