กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – รัฐมนตรีพลังงานยืนยันการเปิดซองข้อเสนอ 4 ซอง ของผู้ที่ยื่นประมูลขอสิทธิ์และสำรวจปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณและบงกชผ่านคุณสมบัติ คาดใช้เวลา 2 สัปดาห์ ประกาศผลและเสนอ ครม.ได้สิ้นปีนี้ ย้ำมีความโปร่งใส ทุกขั้นตอน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังเปิดให้ผู้สนใจยื่นซองประมูลขอสิทธิ์และสำรวจปิโตรเลียมแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยทั้งแหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยเอกชนจะต้องยื่นข้อเสนอทั้ง 4 ซอง คือ คุณสมบัติของผู้ประมูล การให้หน่วยงานรัฐมีส่วนร่วมถือหุ้นในแหล่งก๊าซฯ สัดส่วนร้อยละ 25 ด้านเทคนิคในการลงทุนมูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท และกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ และสัดส่วนการจ้างพนักงานไทย โดยวันนี้เปิดซองข้อเสนอมาแล้วทั้ง 3 ซอง โดยผู้เข้าร่วมประมูลทั้ง 2 แหล่ง ผ่านคุณสมบัติโดยไม่มีข้อกังขา และทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อย่างไรกตาม ขั้นตอนการเปิดซองที่ 4 เป็นข้อเสนอด้านราคาขายก๊าซธรรมชาติ อัตราส่วนแบ่งปิโตรเลียมที่เป็นกำไร สัดส่วนการจ้างพนักงานไทยปีแรกต้องอยู่ที่ร้อยละ 80 และปีที่ 5 อยู่ที่ร้อยละ 90 โดยคณะอนุกรรมการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคและผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ เพื่อประมวลผลข้อเสนอในการพิจารณาความสอดคล้องของข้อเสนอในซองที่ 4 กับซองที่ 3 ด้านเทคนิค คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นจะนำผลการพิจารณาเสนอต่อคณะอนุกรรมการพิจารณาให้สิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และคณะกรรมการปิโตรเลียมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีและประกาศผลได้ภายในเดือนธันวาคมนี้
ทั้งนี้ หลังจากได้ผู้ชนะการประมูลทั้ง 2 แหล่ง รัฐบาลจะต้องหาหน่วยงานของรัฐที่จะเข้าถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 25 ซึ่งคณะกรรมการปิโตรเลียมจะเป็นผู้ให้ความเห็น เพื่อเสนอหน่วยงานรัฐที่จะเข้ามาถือหุ้น โดยทั้ง 2 แหล่งไม่จำเป็นต้องหน่วยงานเดียวกัน และยืนยันว่าหน่วยงานรัฐจะต้องเป็นผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านกำกับปิโตรเลียม คำนึงถึงผลประโยชน์ทุกด้าน
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการรับคำขอการให้สิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม กล่าวว่า ยืนยันการพิจารณาทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส เปิดเผย สามารถตรวจสอบได้ โดยเอกสารมีห้องเก็บรักษาซองการประมูลเรียบร้อยทั้ง 4 ซองมีสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยฉีกขาด มีการผนึกและมีลายเซ็นกำกับอย่างชัดเจนทั้งหมด ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปรขึ้น 4.30 สตางค์ต่อหน่วย รอบ16 เดือน ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานจาก กกพ.จะมีการสอบถามในการประชุมคณกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.อีกครั้ง แต่เชื่อว่า กกพ.ชุดนี้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบในการปรับขึ้น. – สำนักข่าวไทย