พังงา 25 ต.ค. – ศาลจังหวัดพังงา มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีภายในหมู่บ้านเกาะแรดจำนวน 11 คนตกเป็นจำเลยในข้อหารุมข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 14 ปี โดยผลคำตัดสินออกมาแล้วเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ติดตามจากรายงาน
ศาลใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ในการอ่านคำพิพากษา คดีชายในหมู่บ้านเกาะแรด 11 คน ตกเป็นจำเลยข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 14 ปี ดังนี้
จำเลยที่ 1-7 ถูกจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยที่ 8 ถูกจำคุก 45 ปี
จำเลยที่ 9 และ 11 ถูกจำคุก 15 ปี
จำเลยที่ 10 ถูกจำคุก 20 ปี 4 เดือน
ฐานร่วมกันรุมโทรมข่มขืนเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปีที่มิใช่ภรรยาของตนส่วนข้อกล่าวหาว่า บังคับให้เสพยาเสพติด ขณะถูกข่มขืนศาลยกประโยชน์ข้อสงสัยให้แก่จำเลย
ศาลจังหวัดพังงา ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีชายในหมู่บ้านเกาะแรด ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ตกเป็นจำเลยข้อหารุมข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 14 ปี หลังมารดาเด็กหญิงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรโคกกลอยเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยศาลพิเคราะห์จากคำให้การของเด็กหญิงผู้เสียหายซึ่งมีการให้การต่อเนื่องติดต่อกันนาน 5 วัน
ร่วมกับคำให้การของมารดาเด็กหญิงผู้เสียหาย ซึ่งให้การได้อย่างมั่นคง ปราศจากข้อพิรุธและข้อสงสัย เมื่อนำคำให้การดังกล่าวบวกกับพยานแวดล้อม ทั้งในส่วนของการเบิกคำให้การของเด็กหญิง วัย 9 ปีเศษที่ระบุว่า เคยพบเห็นภาพและคลิปวิดีโอในโทรศัพท์มือถือของเด็กหญิงผู้เสียหายในลักษณะโป๊กับจำเลยที่ 1 ทำให้ศาลเชื่อว่า คำให้การดังกล่าวรับฟังได้จริง แม้ว่าในเวลาต่อมาคลิปวิดีโอและภาพดังกล่าวจะถูกเด็กหญิงผู้เสียหายลบทิ้งและไม่สามารถกู้คืนได้ก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานการตรวจพิสูจน์ร่างกายของเด็กหญิงที่พบมีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ บวกกับคำให้การของทีมจิตเวชโรงพยาบาลตะกั่วป่า พบว่า เด็กอยู่ในอาการซึมเศร้า และมีสภาพจิตใจที่เคยผ่านการกระทบกระเทือนใจมาอย่างหนัก รวมถึงการตรวจสอบสถานที่ที่เกิดเหตุตามคำให้การบอกเล่าของเด็กหญิงถูกข่มขืนในกระท่อมริมชายหาด และบริเวณท่าเทียบเรือ พบว่า ทั้งหมดล้วนมีอยู่จริง ทำให้ศาลเชื่อมั่นในพยานหลักฐานและคำให้การ โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 ซึ่งมีการข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงผู้เสียหายจำนวน 16 ครั้ง จำเลยที่ 2 จำนวน 9 ครั้งและจำเลยที่ 3 จำนวน 7 ครั้ง ลงโทษจำเลยทั้ง 11 คน ในข้อหาร่วมกันรุมโทรมข่มขืนกระทำชำเรา หญิงสาวอายุไม่เกิน 15 ปี ที่มิใช่ภรรยาของตน และข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามค่ำคืนรวมถึงข้อหาอื่นๆ
หลังศาลพิพากษาตัดสิน นายฮานีฟ หยงสตาร์ เลขาธิการมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ระบุว่า รู้สึกพอใจกับคำตัดสินของศาลอย่างไรก็ตามจะต้องมีการปรึกษากับครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียหายอีกครั้ง ว่าจะมีการอุทธรณ์คำตัดสินของศาลหรือไม่ รวมถึงการเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งได้มีการเรียกไปจำนวน 18 ล้านบาทในขณะที่ศาล มีคำสั่งให้จำเลย 11 คนชดใช้ค่าเสียหายร่วมกันเรา 6 ล้านบาทเท่านั้น
นายสรรเพชญ ทิพย์มณเฑียร ทนายฝ่ายจำเลย ระบุว่า เคารพคำตัดสินของศาลแต่จะอุทธรณ์คำตัดสินเพื่อต่อสู้คดีต่อไปเนื่องจากมั่นใจว่า จำเลยทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยในวันนี้จะทราบว่า ศาลจะให้อนุญาตประกันตัวหรือไม่อย่างไร .- สำนักข่าวไทย