กรุงเทพฯ 10 ต.ค.- อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง”โอ๊ค พานทองแท้” คดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย รับเช็ค 10 ล้านบาท
อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน ที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท คดีทุจริตอนุมัติสินเชื่อ ธ.กรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งจะฟ้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 มาตรา 5,9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ปี 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4 ทั้งนี้ ความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1-10 ปี ซึ่งมีอายุความไม่เกิน 15 ปี
สำหรับกรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 และไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งความเห็นส่วนนี้อัยการก็จะต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นดังกล่าวกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ อย่างไร โดยในส่วนของนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 นั้น ความเห็นสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวก็เป็นไปตามความเห็นดั้งเดิมของพนักงานสอบสวนตั้งแต่ต้น
ส่วน นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน อดีตภริยาของนายทักษิณ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาที่ 2 กับนายวันชัย หงษ์เหิน สามีผู้ต้องหาที่ 3 นั้น อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน โดยบุคคลทั้งสอง ตามสำนวนการสอบสวนก็กล่าวหาเฉพาะการรับเช็ค 26 ล้านบาทเท่านั้น การสั่งคดีของอัยการส่วนนี้จึงครบถ้วนแล้ว
ซึ่งวันนี้ อัยการก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี ต่อไป
ด้านนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงว่า สำหรับคดีที่กล่าวหานายพานทองแท้กับพวกนั้น คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้พิจารณาแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็คจำนวน 10 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,60 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91และพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 มีความเห็นสั่งฟ้องนางกาญจนาภา และนายวันชัย ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็คจำนวน 26 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,60 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91และพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
แต่คณะทำงานอัยการ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็คจำนวน 26 ล้านบาท ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,60 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10
นายประยุทธกล่าวว่า อัยการจะแยกฟ้องนายพานทองแท้ เนื่องจากเป็นการกระทำผิดกรณีเช็ค 10 ล้านบาท สำหรับในส่วนข้อหาที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนั้นก็จะส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่าพิจารณาว่า เห็นด้วยหรือเห็นแย้งกับอัยการต่อไป.-สำนักข่าวไทย