กรุงเทพฯ 4 ต.ค. – งานมหกรรมบ้านและคอนโด หวังกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ช่วงโค้งสุดท้ายของปี ขานรับกระแสเศรษฐกิจขาขึ้น และการปลดล็อกทางการเมือง เอกชนหนุน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนการเลือกตั้ง
นายปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 39 กล่าวว่า ประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่การปลดล็อกทางการเมือง จึงเป็น ปัจจัยหนุนธุรกิจอสังหาฯ และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงหวังว่ารัฐบาลปัจจุบันจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง เช่น นโยบายบ้านหลังแรก เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของคนไทย ควบคู่กับ การเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงเชื่อได้ว่าการหาเสียงครั้งนี้จะมีพรรคการเมืองหลายพรรคที่นำเสนอมาตรการ ส่งเสริมด้านที่อยู่อาศัยออกมาด้วยเช่นกัน รวมไปถึงรัฐบาลใหม่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อออกนโยบายยกระดับมาตรฐาน การอยู่อาศัยของคนไทย ซึ่งดีเวลลอปเปอร์จำนวนมากก็จะออกโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลมากขึ้น ทำให้ภาคอสังหาฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้าจะคึกคักมากยิ่งขึ้นอีก
ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาฯ กลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น โดยมีผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มเปิด ตัวโครงการใหม่มากขึ้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น ภาคการเกษตรที่สินค้าสำคัญ หลายรายการมีการปรับราคาที่ดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกที่มีการขยายตัวที่ดี ไปจนถึงภาคการ บริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้น อีกทั้งการลงทุนของภาครัฐใน เมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ยังมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการด้านสาธารณูปโภคและการคมนาคมที่ช่วยเปิดหน้าดินสำหรับทำเลที่อยู่อาศัยและขยายเขตเมืองออกไป
นายปิติพัฒน์ กล่าวเพิ่มว่า ช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดฯ เปิดขายใหม่รวมเกือบ 4.6 หมื่นยูนิต โดยเฉพาะไตรมาส 3 นี้ มียอดเปิดใหม่สูงที่สุด กว่า 2.4 หมื่นยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการตามแนวเส้นทาง รถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินที่เปิดให้บริการแล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกว่า 1 หมื่นยูนิตในไตรมาส 4 โดยเทรนด์ที่น่า สนใจสำหรับตลาดแนวสูง ก็คือการที่ผู้ประกอบการเริ่มหันไปหาลูกค้าจากต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะจีนที่เป็นกลุ่มนักลงทุนที่กำลังซื้อสูง และมีความสนใจในโครงการคอนโดฯ ตามทำเลที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน
โดยเฉพาะย่านช้อปปิ้งของกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ เป็นต้น เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนเวลาที่มาเที่ยว หรือลงทุนปล่อยเช่านักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยกัน ส่วนตลาดแนวราบในช่วงครึ่งปีแรกมียอดโอนกรรมสิทธิ์ 4.5 หมื่น ยูนิต แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 หมื่นยูนิต และบ้านเดี่ยว 1.5 หมื่นยูนิต ซึ่งตลาดนี้ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ที่มีมูลค่าระหว่าง 2-7 ล้านบาท ในทำเลอย่างบางกรวย-บางใหญ่ ดอนเมือง สมุทรปราการ เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ทำให้ไม่ค่อยเกิดการซื้อเก็งกำไร มากนัก และคาดว่าสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวเพียง 1.5 หมื่นยูนิตในครึ่งปีหลังจะสามารถขายหมดได้โดยเร็ว
สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 39 มีขึ้นระหว่าง 4-7 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีผู้มาร่วมงาน 1-1.2 แสนคน ตลอดการจัดงาน 4 วัน และมียอดจองและขายทั้งภายในงานและต่อเนื่องหลังงานรวมมากกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท. – สำนักข่าวไทย