ภูเก็ต 16 ก.ย.-ตลอดทั้งวันนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจากหลายกระทรวง ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในหลายจุด ซึ่งการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน กลุ่ม 5 จังหวัดอันดามัน ที่ จ.ภูเก็ต เพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายกฯ ระบุได้ย้ำในที่ประชุมให้ทุกภาคส่วนยึดกรอบกฎหมายในการแก้ปัญหา ทั้งในกรณีปัญหาข้อพิพาทที่ดินชาวเลหาดราไวย์ ปัญหานอมีนี ไปจนถึงปัญหาการบุกรุกป่าและอุทยานต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังประชุมร่วมกับคณะกรรมการภาครัฐ เอกชน ในกลุ่ม 5 จังหวัดอันดามัน ซึ่งประกอบด้วย จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง และตรัง โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ ยึดกรอบของกฎหมายเป็นหลักในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นประเด็นปัญหาข้อพิพาทที่ดินของชาวเลหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต กับนายทุนที่อ้างการถือครองกรรมสิทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามแก้ปัญหาตลอด โดยรัฐบาลพร้อมจัดซื้อที่ดินแห่งใหม่ให้ชาวเลอยู่อาศัย ถ้าหากชาวเลต้องการ
ส่วนประเด็นปัญหานอมีนี ทัวร์ศูนย์เหรียญ และปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้และอุทยานแห่งชาติในหลายจุด กำชับผู้เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหานี้อย่างเข้มข้น ซึ่งปัญหาที่ดินจำเป็นต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา เนื่องจากเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจากหลายกระทรวง ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อร่วมเปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ ภายในสนามบินนานาชาติภูเก็ต ตามแผนพัฒนาและขยายอากาศยานไทยด้วยงบก่อสร้างรวม 5,791 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตทางการท่องเที่ยวในภูมิภาค ทำให้ปัจจุบันมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารมากขึ้น จากเดิม 6.5 ล้านคน/ปี เป็น 12.5 ล้านคน/ปี
ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางต่อไปยังโรงแรมดวงจิต รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดป่าตอง เพื่อร่วมงานสตาร์ทอัพ ไทยแลนด์ แอนด์ ดิจิทัลไทยแลนด์ ภูมิภาค 2016 ซึ่งจัดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 16-18 กันยายนนี้ พื่อเป็นเวทีให้บรรดาผู้ประกอบการสตาร์อัพจากทั่วโลกได้พบปะและร่วมกันพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งถือเป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ขับเคลื่อนสู่ไทยแลนด์ 4.0 งานนี้ นายกรัฐมนตรีขึ้นกล่าวปฐกถาพิเศษ เรื่อง “การส่งเสริมภูเก็ตสู่ศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ทอัพและเมืองอัจฉริยะ” หรือภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ด้วย
หลังจากนั้นช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อมายังหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เพื่อพยปะกับภาคส่วนต่างๆ โดยมีชาวภูเก็ตและประชาชนจาก 5 จังหวัดอันดามันต้อนรับอย่างคับคั่ง พร้อมชูสัญลักษณ์ให้กำลังกับนายกรัฐมนตรีในการบริหารประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีเดินทักทายประชาชนที่มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุว่า จะรับข้อเสนอการสร้างรถไฟฟ้ารางเบา และการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดป่าตองที่นายจำเริญ ทิพยพงธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เสนอ เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของ จ.ภูเก็ต ให้สอดรับกับจำนวนนักท่องเที่ยว 14 ล้านคน/ปี รวมถึงยังรับโครงการสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตาแห่งที่ 2 เชื่อมระหว่างเกาะและแผ่นดินใหญ่ งบกว่า 800 ล้านบาท ตามที่นายพินิจ บุญเลิศ ที่ผู้ว่าฯ กระบี่ เสนอ ไปพิจารณา
ก่อนกลับวันนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากให้ชาวภูเก็ตและอันดามันทุกคน ร่วมช่วยกันดูแลทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ชายหาด และท้องทะเล ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สำคัญของภูเก็ตให้เกิดการท่องเที่ยวที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย