กรุงเทพฯ 3 ก.ย.-หลังมีข่าวคึกโครมว่า มีหญิงสาวชาวเลยเสียชีวิตจากการสักลายย่านคลองหลอด กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ กทม.ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพร้านสักย่านดังกล่าวว่าได้มาตรฐาน สะอาดตามสมควรหรือไม่ ติดตามจากรายงาน
ตื่นตกใจ ตาโตกันทั้งขบวน หลังเจ้าหน้าที่จากสำนักอนามัย สำนักงานเขตพระนคร พบว่าทั้งเข็มสักของช่างสักย่านคลองหลอดที่เป็นข่าวว่าเป็นเหตุให้หญิงสาวคนหนึ่งเสียชีวิต เมื่อดูอย่างละเอียดกลับหมดอายุนานนับปี ส่วนที่ไม่หมดอายุหีบห่อกลับหลุดลุ่ยเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการติดเชื้อเมื่อแทงลงบนผิว ยืนยันว่าใช้ของใหม่ทั้งหมด ประกอบกับเครื่องสักที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเองด้วยต้นทุน 2,000 บาท ไม่รวมขวดนมที่ผ่าครึ่งใช้เป็นอุปกรณ์ล้างสีระหว่างสัก และถาดใส่สีที่ต้องใช้แล้วทิ้ง ช่างสักก็นำกลับมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ยิ่งตอกย้ำให้เจ้าหน้าที่ กทม.มั่นใจว่า สิ่งที่ช่างสักคนดังกล่าวยืนยันมาตลอดว่า 10 ปี ที่ยึดอาชีพสัก ถือเรื่องความสะอาดเป็นที่หนึ่ง จนมั่นใจว่าถ้าไม่ดีจริงคงมีฝรั่งตายไปแล้ว อาจไม่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่เจอ เสี่ยงอย่างยิ่งต่อการติดโรคร้าย
เบื้องต้น กทม.ตั้งข้อหาประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้หยุดกิจการชั่วคราว เพื่อไปฆ่าเชื้อโรค และเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งช่างสักก็พร้อมร่วมมือ
สำหรับร้านสักนั้น เป็น 1 ใน 141 ประเภทกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2558 มอบอำนาจให้ท้องถิ่นออกข้อบัญญัติ ข้อกำหนดต่างๆ ในการตรวจสอบ ดูแล รวมทั้งการอนุญาตให้ประกอบกิจการ แต่เมื่อถามถึงจำนวนร้านสักใน กทม. ได้ข้อมูลว่ามีเพียงแค่ 50 ร้านที่ขออนุญาตถูกต้อง แค่ในเขตพระนครก็มี 15 ร้านแล้ว ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริงที่ร้านสักผุดขึ้นทุกตรอกซอกซอย ไม่นับรวมร้านแบกะดินตามตลาดนัดอีกหลายร้อยร้าน ซึ่ง กทม.ยอมรับว่าอาจจะหลุดรอดสายตาไปบ้าง
อนาคตอันใกล้ กทม.ก็จะสั่งทั้ง 50 เขตให้ออกตรวจสำรวจร้านสักใน กทม.ทั้งที่ขออนุญาตถูก และไม่ถูกต้อง ให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนต่อไป ระหว่างนี้สำหรับผู้ที่ตัดสินใจไปลงเข็มสักภายใน 72 ชั่วโมง กับร้านที่ไม่ได้มาตรฐาน และกลัวว่าจะติดโรค สามารถติดต่อขอรับยาต้านไวรัส HIV ได้ที่คลินิกรักปลอดภัย สำนักอนามัย 12 แห่งทั่ว กทม.ได้ฟรี.-สำนักข่าวไทย