“บิ๊กโจ๊ก”ฟันธง ข่าวข่มขืนสาวอังกฤษบนเกาะเต่า ไม่จริง

กทม.30 ส.ค.-  ข่าวสาวเมืองผู้ดีถูกข่มขืนบนโขดหินเกาะเต่าส่อเค้าไม่จริง ตำรวจไทยรุดให้ข้อเท็จจริงกงสุลอังกฤษ จ่อจับ 2 เพจตีข่าวให้ประเทศเสียหาย

 

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว  (รอง ผบช.ทท.)  พร้อมทีมพิสูจน์หลักฐาน       เข้าพบนายพอล เคย์        กงสุลสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เพื่อมอบเอกสารรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี น.ส.อิซาเบล วิคตอเรีย แบตเตอร์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ  อ้างว่า     ถูกกระทำชำเราบนโขดหินเกาะเต่า  จ.สุราษฎร์ธานี แต่ตำรวจไทยไม่รับแจ้งความ พร้อมอธิบายข้อมูลภาพถ่ายจากสถานที่เกิดเหตุซึ่งตำรวจจำลองเหตุการณ์เหมือนจริงให้นายพอล เคย์ เข้าใจมากขึ้น โดยใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 1  ชั่วโมง   

จากนั้น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์          ได้นำภาพถ่ายชุดเดียวกับที่ชี้แจงกับกงสุลสหราชอาณาจักร มาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า เป็นภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด คืนเกิดเหตุบริเวณหาดทรายหน้าร้านลีโอ  จุดที่นักท่องเที่ยวสาวอ้างว่าได้มานั่งดื่มกินก่อนถูกพาไปกระทำชำเราบนโขดหิน      ปรากฏว่า มีน้ำทะเลท่วมถึงและคลื่นซัดแรง   เนื่องจากเป็นคืนขึ้น 14 ค่ำพระจันทร์เต็มดวง        น้ำทะเลจึงขึ้นสูงท่วมชายหาด        จึงเป็นไปไม่ได้ว่า น.ส.อิซาเบล จะมานั่งในจุดนี้ได้    ส่วนโขดหินจุดที่อ้างถูกข่มขืนอยู่ห่างไป 300 เมตร จะต้องเดินลุยน้ำไป คืนนั้น    มีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งตำรวจและ   เจ้าหนาที่ดูแลความปลอดภัยจำนวนมากเช่นกัน หากมีเหตุเกิดขึ้นจริง  จะต้องมีพยานพบเห็น ส่วนการตรวจหาคราบอสุจิที่โขดหินและห้องพักก็ไม่พบเช่นกัน      จึงสรุปรายงานการตรวจสอบตามคำสั่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ว่ากรณี น.ส.อิซาเบล         อ้างว่าถูกกระทำชำเราบนเกาะเต่าและตำรวจไทยไม่รับแจ้งความว่า “ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง”       เนื่องจากไม่พบร่องรอยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานบุคคลยืนยัน    แต่กลับพบข้อมูลที่ได้จากการจำลองเหตุการณ์     ซึ่งตรงกันข้ามกับที่นักท่องเที่ยวสาวกล่าวอ้าง   โดยนายพอล เคย์ รับทราบ และขอบคุณตำรวจไทยที่ช่วยคลี่คลายเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  ยังระบุว่า    ได้ขอความช่วยเหลือจากกงสุลสหราชอาณาจักร   ให้ติอต่อขอหลักฐานจาก น.ส.อิซาเบล   โดยขอให้เดินทางกลับมาแจ้งความที่ประเทศไทย     หรือจะให้ตำรวจเดินทางไปสอบสวนที่ประเทศอังกฤษก็ได้           ซึ่งกงสุลสหราชอาณาจักร รับที่จะดำเนินการให้ คาดว่าตำรวจไทยจะได้หลักฐานจากฝ่าย           น.ส.อิซาเบล ภายใน 1 เดือน      ส่วนจะเป็นการกุเรื่องหรือไม่ ยังไม่ขอสรุป   อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา      พบนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและยุโรปกุเรื่องถูกกระทำชำเรา 3 คดี   คือที่ จ.กระบี่ 1 คดี, เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี 2 คดี  และกุเรื่องถูกปล้นทรัพย์ที่เกาะสมุย 1 คดี  จึงดำเนินคดีข้อหาแจ้งความเท็จ   เพิกถอนวีซ่า  ขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ  และผลักดันออกไป

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  กล่าวต่อว่า         ตำรวจจะเสนอศาลออกหมายจับเจ้าของเพจ CSILA       และสมุยไทม์ กรณีนำเสนอเรื่องราวจนประเทศไทยเสียหาย      ในข้อหา นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี   ทั้ง 2 เพจ         ตำรวจสามารถพิสูจน์ทราบแล้วว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ เพจ CSILA  เจ้าของอยู่ต่างประเทศ    ส่วนเพจสมุยไทม์  เป็นหญิงชาวยุโรป         คาดจะขอหมายจับและจับกุมตัวได้ภายในวันนี้(30 ส.ค.)  

มีรายงานว่ากรณี น.ส.อิซาเบล   อ้างว่าถูกข่มขืน  ส่อเค้าเป็นเรื่องโอละพ่อ   เพราะจากการลงพื้นที่ของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ และทีมงาน  ได้สอบปากคำพยานปากสำคัญคนหนึ่ง  ให้การว่าได้พูดคุยกับ น.ส.อิซาเบล      ซึ่ง น.ส.อิซาเบล  ได้เล่าให้พยานฟังว่า พักร่วมห้องกับเพื่อนชาย    4 คน  1 ในนั้นคือนายมาร์ติน      และสมยอมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน   จึงเกรงว่าแฟนหนุ่มซึ่งจะเดินทางมาจากอังกฤษจะเข้าใจผิด    ขณะที่นายมาร์ติน ได้เข้าแจ้งความว่าถูกแฟนหนุ่มของ น.ส.อิซาเบล ต่อยหน้า สิ่งที่นักท่องเที่ยวสาวบอกเล่า      และกรณีนายมาร์ติน แจ้งความ สอดคล้องกัน มากกว่าการถูกข่มขืนบนโขดหินในคืนพระจันทร์เต็มดวง.-สำนักข่าวไทย