กรุงเทพฯ 12 ส.ค.-นายกรัฐมนตรี พอใจความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจของประชาชนดีขึ้นในรอบ 62 เดือน ย้ำรัฐบาลแก้ไขปัญหาช่วยผู้มีรายได้น้อยผ่านหลายโครงการ
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลประเมินดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2561 ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่รายงานว่าอยู่ที่ระดับ 82.2 ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 62 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 โดยทุกรายการปรับตัวดีขึ้นแทบทั้งสิ้น เนื่องจากประชาชนเห็นว่าการส่งออกและการท่องเที่ยวขยายตัวดีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้น ส่วนราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มดีขึ้น และกำลังซื้อของประชาชนในหลายจังหวัดก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหารายได้ของประชาชนไม่เพียงค่าครองชีพในปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้และลดภาระค่าใช้จ่าย เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นาโนไฟแนนซ์ พักชำระหนี้เกษตรกร ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกร และโครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพ เป็นต้น
สำหรับข้อกังวลว่า เศรษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณผลกระทบใด ๆ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ประมาท โดยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายกรัฐมนตรียังแสดงความยินดีที่ประเทศไทยมีอันดับความสามารถด้านโลจิสติกส์ในปี 2561 ดีขึ้น จากการประกาศของธนาคารโลก โดยอยู่ในอันดับที่ 32 จากเดิมเมื่อปี 2559 อยู่ที่อันดับ 45 ซึ่งนับว่าดีขึ้นถึง 13 อันดับ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนแผนงานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศจนเห็นเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือและสนามบิน.-สำนักข่าวไทย