กระทรวงมหาดไทย 6 ส.ค.-“พล.อ.อนุพงษ์” สั่งการทุกจังหวัดพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย ตั้งคณะทำงานประจำศูนย์ติดตามสถานการณ์น้ำ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ดำเนินการตามแนวทางการเตรียมความพร้อม และแนวทางเผชิญเหตุ ดังนี้ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเตือนภัยสู่ประชาชนในทุกช่องทาง ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ 2.ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ขึ้นในส่วนอำนวยการของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ทางด้านสภาวะอากาศและการจัดการน้ำ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า 3.กำหนดจุดพื้นที่ปลอดภัย ด้วยการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เต็นท์สนาม ให้มีความพร้อมในการอพยพประชาชนก่อนที่จะเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ 4.ในพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ให้วางมาตรการร่วมกับหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลด้านการคมนาคมทางทะเล และการท่องเที่ยว เพื่อให้มีมาตรการในการประกาศห้ามการเดินเรือออกจากหรือเข้ามายังฝั่ง ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนประกาศ หรือคำสั่งของทางราชการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันกำหนดแนวทางวิธีการและระบบในการบังคับควบคุมนำเรือที่ฝ่าฝืน ซึ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงภัยกลับเข้าสู่ฝั่ง หากมีการฝ่าฝืนให้ดำเนินการทางกฎหมายในทุกกรณี และสำหรับจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำ น้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ ห้ามนักท่องเที่ยวหรือบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเผชิญเหตุ ให้ทุกจังหวัดกำหนดขั้นตอน วิธีการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.จัดระบบการสื่อสารระหว่างหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มช่องทางแจ้งข้อมูลข่าวสาร การรับเรื่องราวร้องทุกข์ การขอรับความช่วยเหลือจากประชาชน 2.ให้จัดเตรียมคลังเสบียงอาหารให้มีความพร้อมในการจัดตั้งครัวสนาม โรงครัวเคลื่อนที่ เพื่อช่วยเหลือด้านการดำรงชีพ อาหาร น้ำดื่ม แก่ประชาชนได้ทันที หากพื้นที่ใดมีการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานขึ้น ให้บูรณาการทุกหน่วยงานร่วมดำเนินการภายใต้โรงครัวพระราชทานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและโปร่งใส 3.ปรับปรุงทะเบียนเครื่องจักรกลของจังหวัด 4.จัดตั้งศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ร่วม ให้เป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย