“ภูมิธรรม” ส่งมอบพื้นที่อุทกภัย จ.เชียงราย ให้ อปท.เข้าฟื้นฟูระยะ 2

เชียงราย 28 ต.ค.-“ภูมิธรรม” ปธ.ศปช. ส่วนหน้า พร้อม 2 รมช. ส่งมอบพื้นที่ที่ได้รับการฟื้นฟูจากอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย ให้ อปท.เข้าดำเนินการฟื้นฟูในระยะที่ 2 ขณะที่บรรยากาศ อ.แม่สาย เช้านี้ชื่นมื่น ร้านค้ากลับมาทำการค้าขายได้ตามปกติ พร้อมรับนักท่องเที่ยว ขณะที่เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยโอนจ่ายแล้วกว่าพันล้านบาท

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศปช. พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธาน ศปช.ส่วนหน้า และพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ปรึกษา ศปช.ส่วนหน้า พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ กำลังพล ภาครัฐ ภาคเอกชน จิตอาสา และประชาชน เข้าร่วมพิธีส่งมอบพื้นที่ที่ได้รับการฟื้นฟูเยียวยาจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย


นายโชตินรินทร์ เกิดสม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวรายงานโดยระบุว่า สถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 14 อำเภอ 66 ตำบล โดยมี 2 อำเภอ คือ อ.เมือง และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักและมีดินโคลนตกค้างในพื้นที่เกินกว่าศักยภาพที่พื้นที่สามารถจัดการได้ แต่หลังจากรัฐบาลได้ตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน 135 หน่วยงาน มีทรัพยากรและเครื่องจักรกลเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ 1,724 หน่วย และกำลังพล 8,826 นาย ทำให้สามารถปฏิบัติงานฟื้นฟูพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถดำเนินการในระยะเร่งด่วน (Quick Win) ได้แล้วเสร็จ พร้อมส่งมอบพื้นที่ให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการฟื้นฟูในระยะต่อไป

นายภูมิธรรม ในฐานะ ผอ.ศปช. กล่าวว่า กว่า 40 วัน ที่ชาวอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ฝ่าวิกฤติการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่ม บางครอบครัวต้องสูญเสียและพรัดพรากจากบุคคคลอันเป็นที่รัก บ้านเรือน ชุมชนและร้านค้าได้รับความเสียหายภายใต้กองโคลนมหึมา นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้มีข้อห่วงใย และสั่งการให้เร่งรัดช่วยเหลือฟื้นฟูให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตในภาวะปกติโดยเร็วที่สุด จึงได้จัดตั้ง ศปช.ส่วนหน้า โดยมอบหมายให้ นางสาวธีรรัตน์ เป็นประธาน และพล.อ.ณัฐพล เป็นที่ปรึกษา เพื่อบริหารทรัพยากรในการช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จนถึงวันนี้ช่วยฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน กว่า 800 หลัง พร้อมกำจัดโคลนในพื้นที่สาธารณะจนแล้วเสร็จ ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าเริ่มกลับมาประกอบอาชีพ กลับมามีรายได้ และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง


“ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวแม่สาย จากนี้ไปจะเป็นการฟื้นฟูระยะที่ 2 ซึ่งจะเน้นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความแข็งแรงเพื่อป้องกันภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวหลังน้ำลด ตลอดจนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะส่งมอบภารกิจให้แก่กระทรวงมหาดไทย จังหวัดเชียงราย อำเภอแม่สาย เทศบาลตำบลแม่สาย เทศบาลตำบลแม่สายมิตรภาพ และเทศบาลตำบลเวียงพางคำ ร่วมดำเนินการช่วยเหลือฟื้นฟูต่อไป รัฐบาลขอยืนยันและให้ความมั่นใจว่า ภาครัฐไม่ทอดทิ้งชาวแม่สาย และจะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติสุขดังเดิม” นายภูมิธรรม กล่าว

นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือประชาชน ซึ่งขณะนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสิน สำหรับโอนเงินให้ประชาชนแล้วทั้งสิ้น 27 จังหวัด 165,047 ครัวเรือน ซึ่งโอนเงินสำเร็จแล้ว 118,921 ครัวเรือน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,070,225,000 บาท สำหรับในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้โอนเงินช่วยเหลือสำเร็จแล้ว 28,659 ครัวเรือน เป็นเงินกว่า 257 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่าผู้ประสบภัยที่ยื่นคำร้องก่อน 16 ต.ค.67 จะได้รับเงินช่วยเหลือภายใน 31 ต.ค. 67 อย่างแน่นอน

“เพื่อสร้างกำลังใจและความมั่นใจ “รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน” ในเดือนหน้า นายกฯมีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.เชียงราย และเป็นประธานประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการประชุม ครม.สัญจรนัดแรกของรัฐบาลชุดนี้ ขณะเดียวกันจะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักสอดรับกับช่วงไฮซีซัน โดยในวันพรุ่งนี้ (29 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี จะได้แถลงรายละเอียดกิจกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว (Winter Festival) ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการประกาศความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวของประเทศไทย” นายจิรายุ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

“ฟิล์ม” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “พยายามกรรโชกทรัพย์-หมิ่นประมาท”

มาตามนัด! “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ปมคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท “ดิไอคอนกรุ๊ป”

ผลสอบครูเบญ

ศธ.สรุปผลสอบปม “ครูเบญ” ยืนยันผิดพลาดในการตรวจ-ประกาศข้อสอบ

ศธ.สรุปผลสอบข้อเท็จจริงกรณี “ครูเบญ” ยืนยัน เกิดความผิดพลาดในการตรวจและประกาศข้อสอบ ส่งกระดาษคำตอบของครูเบญ และครูที่สอบได้ ให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจ ไม่พบการแก้ไขกระดาษคำตอบ ด้าน ศธ.เยียวยาให้ครูเบ็ญ แต่เจ้าตัวปฏิเสธ ขอกลับไปทำงานที่เดิม

ปล่อยลูกเรืองประมงไทย

“ภูมิธรรม” ย้ำปล่อย 4 ลูกเรือประมงไทยวันนี้-ไม่มีเงื่อนไข

“ภูมิธรรม” ย้ำปล่อย 4 ประมงไทยวันนี้ โดยไม่มีเงื่อนไข ล่าสุดนำตัวมาที่เกาะสองแล้ว เชื่อหลังจากนี้จะมีมาตรการป้องกันการรุกล้ำน่านน้ำของสองประเทศ